(1)
ประชาธิปไตย มาพร้อมปรัชญามนุษยนิยม ซึ่งพัฒนามาจากปรัชญาธรรมชาตินิม ทั้ง 2 กระแสปรัชญาหลังยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ และยุคแห่งความรู้แจ้ง ซึ่งก่อรูปและพัฒนาขึ้นมานับจากมนุษย์ ทำลาย "พระเจ้า" ลงไปได้ พร้อมกับการล่มสลายของปรัชญาเทวนิยมซึ่งครอบงำอารยธรรมโลกตะวันตกมานับพันปี
นั่นหมายความว่า ประชาธิปไตยนั้นมาพร้อมปรัชญาอเทวนิยม อย่างจริงแท้แน่นอน
ขอประกาศคัดค้านแนวคิด "จิตนิยม/เทวนิยม" ทุกสำนักในขบวนแถวประชาธิปไตย ด้วยมีแต่สองมือมนุษย์เท่านั้นที่จะสรรค์สร้างและจรรโลงอารยธรรมมนุษย์ไปสู่คุณภาพใหม่ทางประชาธิปไตย สวรรค์และเทพเจ้าทั้งหลายล้วนอุปโลกน์ขึ้นเพื่อชนชั้นที่กดขี่ขูดรีดเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเองเสมอมาใน ประวัติศาสตร์
ขอเรียกร้องให้หยุดกระบวนการบิดเบือนและมอมเมา ด้วยความคิดที่จำแนกมนุษย์ด้วยกันเป็นชนชั้น ผ่านบุคลาธิษฐานหลากหลายในเทพปกรณัมทั้งเก่าและใหม่
หยุดเชิดชูความศักดิ์สิทธิ์ของสิ่งไม่มีอยู่จริงจากนอกฟ้าป่าหิมพานต์ เพื่อประชาชนจักได้ลืมตาตื่นจากความงมงายและการร้องขอและเฝ้ารอ
ประชาธิปไตยจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ
(2)
นี่คือประวัติอารยธรรมของมนุษยชาติในรอบ 1 สหัสวรรษ ทันทีที่ปรัชญาเทวนิยมล่มสลายลง แนวคิดของนักคิดคนสำคัญฝ่ายประชาธิปไตยก็เริ่มก่อรูปขึ้นมาภายใต้พัฒนาการของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากนั้นการประดิษฐิคิดสร้างจากสมองและสองมือของมนุษย์ จึงนำพามนุษย์ก้าวพ้นขีดจำกัดของการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิต "ตามยถากรรม" ไปทันที
เมื่อมนุษย์ตระหนักว่าภูตผีปิศาจหรือเทวดานางฟ้า หรือแม้แต่พระเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นให้อยู่เหนือธรรมชาติและทรงมหิทธิานุภาพ ล้วนมีขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายให้มนุษย์ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ จากการที่ปรัชญาเทวนิยมทั้งหลายเหล่านั้น ถูกสร้างเพื่อมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ใช้เป็นอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือเทวสิทธิ์ "กด" มนุษย์ที่ถูกถือว่าต่ำต้อยน้อยหน้ากว่า มาเป็นเวลานับพันปี
การลุกขึ้นสลัดโซ่ตรวนของปรัชญาเทวนิยมนี้เอง ที่เป็นการทำลายห่วงโซ่ข้อแรก และเป็นการลุกขึ้นปลดแอกในขอบเขตจิตสำนึกเยี่ยงผู้ถูกปกครอง ขึ้นสู่การถามหากระบวนการปกครองตนเอง นั่นคือ...
"ระบอบประชาธิปไตย"
(3)
(อธิบายเพิ่มเติมจากคำ ถามใน facebook)
(อธิบายเพิ่มเติมจากคำ ถามใน facebook)
ผมไม่แน่ใจทฤษฎีสมัยใหม่ เพราะผมเรียนครึ่งๆกลางๆ (ยุติชีวิตการศึกษาในระบบด้วยการลาออกจากการเป็นนักศึกษารัฐศาสตร์ สาขาทฤษฎีและปรัชญาการเมือง ธรรมศาสตร์ ตั้งแต่ต้นปี 2519 โดยอาจารย์ที่ปรึกษาคือ นายเสน่ห์ จามริก)
แต่จากการศึกษาครึ่งๆกลางนั้น และตามมาด้วยการค้นคว้าด้วยตัวเอง (อย่างเป็นบ้าเป็นหลัง) ทั้งก่อนและในยุคประชาธิปไตยเบ่งบาน (2515-2519) ผมเข้าใจว่าว่ามนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่จำเป็นต้องมีรูปแบบการปกครอง ประเด็นสำคัญคือ มนุษย์มีตัณหาที่ไม่สิ้นสุด ซึ่งเป็นการปรุงแต่งที่พัฒนาพ้นสภาพดิรัจฉาน (รายละเอียดคงคุยกันยาว)
นั่นหมายความว่า มนุษย์ (ในสภาวะแรกเริ่มมาจนถึง ณ เวลานี้) ยังจำเป็นต้องมีกรอบในการดำรงอยู่ เว้นไว้แต่ในสภาพที่มนุษย์หยุดคิดเปรียบเทียบ และไปพ้นอคติ 4 ซึ่งหมายความว่าความเหลื่อมล้ำลดน้อยถอยลง จะเนื่องด้วยการจัดความสัมพันธ์ในการผลิตก้าวมาถึงจุดที่มนุษย์จำเป็นน้อยลง ที่จะกดขี่ขูดรีดกันอีกต่อไป
แต่รูปแบบการปกครองตนเองหรือระบอบ ประชาธิปไตยนั้นเอง ที่เปิดจินตภาพในประเด็นหลังที่ผมพูดในย่อหน้าข้างต้นครับ
(4)
(อธิบายเพิ่มเติมจากคำถามใน facebook)
(อธิบายเพิ่มเติมจากคำถามใน facebook)
กบฏ พรรคดอกบัวขาว (แป๊ะเน้ย) ที่ต้องการฟื้นฟูราชวงศ์ต้าหมิงถูกทำลายล้างสิ้นในปี 1800
กบฏไท้เผ็ง (ไท้เผ็งเทียนกว๋อ) 1849 (ถูกปราบมีคนตาย 20 ล้าน)
กบฏนักมวย (สมาคมอี้เหอถวน) 1898-1900
กบฏทั้งหมดใช้ไสยศาสตร์นำ และถูกปราบราบคาบ
ไสยศาสตร์/จิตนิยม/เทวนิยม สร้างประชาธิปไตยไม่ได้ การปฏิวัติประชาธิปไตย ก่อนอื่น คือทำลายพระเจ้า ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หมด ปาฏิหาริย์มีเพียงประการเดียว คือ พลังประชาชน
ปรัชญาการเมืองประชาธิปไตยถือกำเนิดขึ้นบนความล่มสลายของระบอบราชาธิปไตยทั้งมวลในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นผลตามมาของการพังทลายของปรัชญาเทวนิยมที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และผูกขาดความถูกต้องชอบธรรมแบบสัมบูรณ์ โต้แย้งไม่ได้ ภายใต้กฎของพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ.
http://www.newskythailand.info/board/index.php?topic=10754.0
โพสต์ ครั้งแรก 7 เมษายน 2010, 15:48:05
เพิ่มเติมครั้งสุดท้าย 7 เมษายน 2010, 22:27:46