"ยศช้าง ขุนนางพระ"
ผมนั่งอยู่หน้าตู้สีเหลี่ยมผืนผ้า
ที่มีภาพผู้คนเดินไปมาขวักไขว่
ผู้คนหญิงชาย ผู้คนชราฉกรรจ์
ล้วนยิ้มย่องผ่องใสหน้าระรื่นชื่นมื่น
ผมเห็นผู้คนสะพายแถบแพรไหม
ไขว้สะพายแล่ง ซ้ายบ้าง ขวาบ้าง
สีสันสองแม่สีเป็นหลักแซมสีอื่น
ผมไม่รู้ความหมายในความแตกต่าง
ก็แค่คนนอกของสังคมสายสะพาย
อย่างดีก็แค่หนีพ้นสังคมสนตะพาย
บนแถบแพรและอกเสื้อสองข้าง
ผมเห็นสรรพเหรียญและสรรพแถบ
บ้างมีโบเล็กเล็กหลากสีห้อยเป็นแฉก
หาไม่ก็เคียงข้างหรือประดับบนล่าง
ด้วยสัญญาณแห่งนักรบไร้สนาม
โอ... ช่างเมลืองมลังอลังการ์
หลายคนจืบดื่มเมรัยหอมหวาน
ที่ผู้คนทั่วไปไม่คุ้นชื่อรู้จักที่มา
ทุกคนเหล่านั้น...
ไม่ได้พูดเรื่องต้องทนแกร่วกระเสือกกระสน
ไม่ได้พูดถึงอาหารจานน้อยที่ต้องกินให้อิ่ม
ไม่ได้พูดแค่ชีวิตที่อยู่เพียงผ่านวันคืน
เพื่อจะได้ลืมตาตื่นในรุ่งอีกคืนวัน
อีกวัน... และอีกวัน... กับลมหายใจ
ที่ไม่มีวันเข้าใจถ้อยคำของพระอริยะ
ที่ว่าไว้... "ยศช้าง ขุนนางพระ"
เออสิวะ... "ยศช้าง ขุนนางพระ".
นายชั้น ทุนน้อย
00.42 นาฬิกาก่อนเที่ยง
8 พฤษภาคม 2553