ปูมชีวิต 'รัฐมตรีไฮแจ๊ก' กษิต ภิรมย์
นายกษิต ภิรมย์ เกิดวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2487 ในชุมชนเชื้อสายผู้มีตระกูลละแวกบ้านขมิ้น ฝั่งธนบุรี เป็นบุตรชายของ ศาสตราจารย์พลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร [บุตรนาวาโทหลวงบรรเจิดเรขกรรม (ชม ภิรมย์) พลเรือตรีสมภพเคยเขียนว่า กระโจมไฟในอ่าวไทยในอดีต 80 % ออกแบบโดย นาวาโทหลวงบรรเจิดเรขกรรม - จาก นาวิกศาสตร์, ปีที่ 1 เล่มที่ 80 มกราคม พ.ศ.2541] กับ นางจุนเจือ ภิรมย์ (สกุลเดิม "มุสิกะภุมมะ")
นางจุนเจือ ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พุทธศักราช 2458 เป็นบุตรีของนายเล็ก และนางเจียก เสือยุทธ ภายหลัง หลวงวิจารณ์คาวี (ปุ่น มุสิกะภุมมะ) และนางพัน พนมวัน ณ อยุธยา รับเป็นผู้อุปการะ ต่อมา หม่อมหลวงพงษ์ พนมวันฯ ได้นำเข้าถวายตัวเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ณ สวนรื่นฤดี ซึ่งนางจุนเจือได้ติดตามสนองพระประสงค์ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นผู้ประสานงานในการก่อสร้างวังรื่นฤดี ในซอยสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นตำหนักที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงพระกรุณาโปรดให้ศาสตราจารย์ พลเรือตรี สมภพ ภิรมย์ ผู้เป็นสามีของนางจุนเจือฯ เป็นสถาปนิกและดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2502
นายกษิตจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน International Affairs ที่ School of Foreign Service, มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University) สหรัฐอเมริกา รุ่นเดียวกับประธานาธิบดี บิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดี กลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์ หลังจากนั้น นายกษิตได้เข้ารับการศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ Institute of Social Studies เนเธอร์แลนด์ และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 32
หลังจบการศึกษา เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปี 2512 ในตำแหน่งเลขานุการตรี กองการเมือง กรมองค์การระหว่างประเทศ และตำแหน่งสุดท้าย คือ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดีซีสหรัฐอเมริกา ปี 2547 เช่นเดียวกับนายอานันท์ ปัณยารชุน
นายกษิต ภิรมย์ สมรสแล้วกับ นางจินตนา ภิรมย์ [สกุลเดิม "วัจนะพุกกะ" - ต้นสกุลคือ พระยาอนุสสรธุรการ (จ่าง วัจนพุกกะ) ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 2594 แก่อำมาตย์ตรี หลวงอนุสรธุระการ (จ่าง) ครั้งที่รั้งผู้กำกับการโรงเรียนพลตระเวน หลังการอภิวัฒน์สยาม 2475 ได้เป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ในสมัยพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ เป็นอธิบดี และในที่สุดก็ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2476]
นายกษิตและนางจินตนามีธิดาคนเดียว คือ แพร ภิรมย์ เจ้าของผลงานออกแบบกำไลข้อมือ "Thai Together Bracelets" ที่จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เพื่อระดมเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในประเทศไทย ผ่านกองทุน "The United States-Thailand Amity for Charity" ของสถานทูตไทย ณ วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
ในระหว่างที่รับราชการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิตได้รับการชักชวนจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทนักเรียนรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่นเดียวกับ นายเอ๊ด ภิรมย์ น้องชายของนายกษิต ให้ไปเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายชวน หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะที่นายสุเทพเป็นเลขานุการรัฐมนตรี โดยนายกษิตมีหน้าที่ดูแลทางด้านต่างประเทศ จนเมื่อนายชวนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี 2544 ก็ได้ขอตัวนายกษิตซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ให้ไปช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย
นายกษิตได้เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก่อนเข้าร่วมงานการเมืองอย่างเต็มตัวกับพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังเกษียณอายุราชการโดยได้รับเลือกให้ทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีเงา ดูแลตรวจสอบการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม หลังจากการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายกษิตได้ขึ้นเวทีบริเวณสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยโจมตีการทำงานของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ปัจจุบันนายกษิต ภิรมย์ ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2551 ว่า นายกษิต ภิรมย์ วัย 64 ปี รมว.ต่างประเทศคนใหม่ของไทย กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ "ไฮแจ๊ก" สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นเรื่องสนุกมากโดยเผยคำพูดระหว่างที่นายกษิตเดินทางไปร่วมงานสัมมนา เกี่ยวกับรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ จัดโดย สถาบันศึกษาความมั่นคง (ไอซิส) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2551 ภายในงานมีนักการทูตและผู้สื่อข่าวต่างชาติเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก นายกษิตได้กล่าวกับนักการทูตต่างชาติและสื่อมวลชนต่างประเทศ ว่าเป็นการประท้วงที่ "สนุกมาก อาหารดี ดนตรีไพเราะ"
ต่อมานายกษิตออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น เป็นความคลาดเคลื่อนของสื่อต่างประเทศ
ตอนที่รับตำแหน่งรัฐมนตรี วันที่ 22 ธันวาคม 2551 นายกษิตแจ้งต่อ ป.ป.ช. ระบุว่ามีทรัพย์สิน 28.6 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี 3 แสนบาท เงินลงทุน 277,997 บาท ที่ดิน 28 ล้านบาท
นางจินตนา มีทรัพย์สิน 51.3 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 11 บัญชี 6.9 ล้านบาท เงินลงทุน 6.8 ล้านบาท ที่ดิน 26.5 ล้านบาท บ้าน 1 หลังราคา 9 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 2 ล้านบาท รวม 2 คน 79.9 ล้านบาท ไม่มีรถยนต์ ไม่มีหนี้สิน
ทั้ง 2 คนมีที่ดิน 16 แปลง เนื้อที่ 40 ไร่เศษ ที่ดินมูลค่าสูงสุดอยู่ในเขตบางกะปิ ราคา 13.3 ล้านบาท
นายกษิตมีเงินลงทุน 1 รายการ คือ หลักทรัพย์ บมจ.ไทยพาณิชย์ มูลค่า 279,997 บาท ภรรยามีเงินลงทุน 10 รายการ ได้แก่ เงินลงทุนธนาคารไทยพาณิชย์, เคพันธบัตร เกาหลี, เคพันธบัตร เกาหลี 1 ปี เอ็กซ์, บริษัท หลักทรัพย์ ซิมิโก้, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน MFC, ธนชาติ RFC, โรงพยาบาลพญาไท 2, ธนาคารธนชาติ, บมจ. สินอุตสาหกรรม
และหุ้น บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ มูลค่า 1 แสนบาท.
โพสต์ครั้งแรก 18 พฤศจิกายน 2009, 09:07:41
http://www.newskythailand.us/board/index.php?topic=8567.0
ปรับ ปรุงใหม่
http://www.newskythailand.info/board/index.php?topic=8567.0
นายกษิต ภิรมย์ เกิดวันที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2487 ในชุมชนเชื้อสายผู้มีตระกูลละแวกบ้านขมิ้น ฝั่งธนบุรี เป็นบุตรชายของ ศาสตราจารย์พลเรือตรีสมภพ ภิรมย์ อดีตอธิบดีกรมศิลปากร [บุตรนาวาโทหลวงบรรเจิดเรขกรรม (ชม ภิรมย์) พลเรือตรีสมภพเคยเขียนว่า กระโจมไฟในอ่าวไทยในอดีต 80 % ออกแบบโดย นาวาโทหลวงบรรเจิดเรขกรรม - จาก นาวิกศาสตร์, ปีที่ 1 เล่มที่ 80 มกราคม พ.ศ.2541] กับ นางจุนเจือ ภิรมย์ (สกุลเดิม "มุสิกะภุมมะ")
นางจุนเจือ ภิรมย์ เกิดเมื่อวันที่ 15 มีนาคม พุทธศักราช 2458 เป็นบุตรีของนายเล็ก และนางเจียก เสือยุทธ ภายหลัง หลวงวิจารณ์คาวี (ปุ่น มุสิกะภุมมะ) และนางพัน พนมวัน ณ อยุธยา รับเป็นผู้อุปการะ ต่อมา หม่อมหลวงพงษ์ พนมวันฯ ได้นำเข้าถวายตัวเป็นข้าหลวงในสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี และพระนางเจ้าสุวัทนา พระวรราชเทวี ณ สวนรื่นฤดี ซึ่งนางจุนเจือได้ติดตามสนองพระประสงค์ในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งยังเป็นผู้ประสานงานในการก่อสร้างวังรื่นฤดี ในซอยสุขุมวิท 38 ซึ่งเป็นตำหนักที่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงพระกรุณาโปรดให้ศาสตราจารย์ พลเรือตรี สมภพ ภิรมย์ ผู้เป็นสามีของนางจุนเจือฯ เป็นสถาปนิกและดำเนินการก่อสร้างขึ้นเมื่อปี 2502
นายกษิตจบการศึกษาระดับปริญญาตรีด้าน International Affairs ที่ School of Foreign Service, มหาวิทยาลัยจอร์จทาวน์ (Georgetown University) สหรัฐอเมริกา รุ่นเดียวกับประธานาธิบดี บิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา และประธานาธิบดี กลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย แห่งฟิลิปปินส์ หลังจากนั้น นายกษิตได้เข้ารับการศึกษาด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่ Institute of Social Studies เนเธอร์แลนด์ และ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 32
หลังจบการศึกษา เข้าทำงานที่กระทรวงการต่างประเทศ เมื่อปี 2512 ในตำแหน่งเลขานุการตรี กองการเมือง กรมองค์การระหว่างประเทศ และตำแหน่งสุดท้าย คือ เอกอัครราชทูต ณ กรุงวอชิงตัน ดีซีสหรัฐอเมริกา ปี 2547 เช่นเดียวกับนายอานันท์ ปัณยารชุน
นายกษิต ภิรมย์ สมรสแล้วกับ นางจินตนา ภิรมย์ [สกุลเดิม "วัจนะพุกกะ" - ต้นสกุลคือ พระยาอนุสสรธุรการ (จ่าง วัจนพุกกะ) ซึ่งเป็นนามสกุลพระราชทานลำดับที่ 2594 แก่อำมาตย์ตรี หลวงอนุสรธุระการ (จ่าง) ครั้งที่รั้งผู้กำกับการโรงเรียนพลตระเวน หลังการอภิวัฒน์สยาม 2475 ได้เป็นรองอธิบดีกรมตำรวจ ในสมัยพันตำรวจเอก พระยาบุเรศผดุงกิจ เป็นอธิบดี และในที่สุดก็ได้ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2476]
นายกษิตและนางจินตนามีธิดาคนเดียว คือ แพร ภิรมย์ เจ้าของผลงานออกแบบกำไลข้อมือ "Thai Together Bracelets" ที่จัดจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา เพื่อระดมเงินบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิในประเทศไทย ผ่านกองทุน "The United States-Thailand Amity for Charity" ของสถานทูตไทย ณ วอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา
ในระหว่างที่รับราชการกระทรวงการต่างประเทศ นายกษิตได้รับการชักชวนจาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทนักเรียนรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่นเดียวกับ นายเอ๊ด ภิรมย์ น้องชายของนายกษิต ให้ไปเป็นหนึ่งในคณะทำงานของนายชวน หลีกภัย เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรมว.พาณิชย์ และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขณะที่นายสุเทพเป็นเลขานุการรัฐมนตรี โดยนายกษิตมีหน้าที่ดูแลทางด้านต่างประเทศ จนเมื่อนายชวนรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี 2544 ก็ได้ขอตัวนายกษิตซึ่งขณะนั้นมีตำแหน่งเป็นเอกอัครราชทูตประจำกระทรวง ให้ไปช่วยราชการสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีด้วย
นายกษิตได้เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเพื่อขับไล่รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ก่อนเข้าร่วมงานการเมืองอย่างเต็มตัวกับพรรคประชาธิปัตย์ ภายหลังเกษียณอายุราชการโดยได้รับเลือกให้ทำหน้าที่รองนายกรัฐมนตรีเงา ดูแลตรวจสอบการทำงานของกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงวัฒนธรรม หลังจากการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นายกษิตได้ขึ้นเวทีบริเวณสนามหญ้าทำเนียบรัฐบาลและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยโจมตีการทำงานของรัฐบาลพรรคพลังประชาชน ปัจจุบันนายกษิต ภิรมย์ ได้รับการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เว็บไซต์ข่าวหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ ของอังกฤษ รายงานเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2551 ว่า นายกษิต ภิรมย์ วัย 64 ปี รมว.ต่างประเทศคนใหม่ของไทย กล่าวว่า การที่กลุ่มพันธมิตรฯ "ไฮแจ๊ก" สนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2551 เป็นเรื่องสนุกมากโดยเผยคำพูดระหว่างที่นายกษิตเดินทางไปร่วมงานสัมมนา เกี่ยวกับรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคประชาธิปัตย์ จัดโดย สถาบันศึกษาความมั่นคง (ไอซิส) จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม 2551 ภายในงานมีนักการทูตและผู้สื่อข่าวต่างชาติเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก นายกษิตได้กล่าวกับนักการทูตต่างชาติและสื่อมวลชนต่างประเทศ ว่าเป็นการประท้วงที่ "สนุกมาก อาหารดี ดนตรีไพเราะ"
ต่อมานายกษิตออกมาปฏิเสธว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น เป็นความคลาดเคลื่อนของสื่อต่างประเทศ
ตอนที่รับตำแหน่งรัฐมนตรี วันที่ 22 ธันวาคม 2551 นายกษิตแจ้งต่อ ป.ป.ช. ระบุว่ามีทรัพย์สิน 28.6 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 4 บัญชี 3 แสนบาท เงินลงทุน 277,997 บาท ที่ดิน 28 ล้านบาท
นางจินตนา มีทรัพย์สิน 51.3 ล้านบาท เป็นเงินฝาก 11 บัญชี 6.9 ล้านบาท เงินลงทุน 6.8 ล้านบาท ที่ดิน 26.5 ล้านบาท บ้าน 1 หลังราคา 9 ล้านบาท ทรัพย์สินอื่น 2 ล้านบาท รวม 2 คน 79.9 ล้านบาท ไม่มีรถยนต์ ไม่มีหนี้สิน
ทั้ง 2 คนมีที่ดิน 16 แปลง เนื้อที่ 40 ไร่เศษ ที่ดินมูลค่าสูงสุดอยู่ในเขตบางกะปิ ราคา 13.3 ล้านบาท
นายกษิตมีเงินลงทุน 1 รายการ คือ หลักทรัพย์ บมจ.ไทยพาณิชย์ มูลค่า 279,997 บาท ภรรยามีเงินลงทุน 10 รายการ ได้แก่ เงินลงทุนธนาคารไทยพาณิชย์, เคพันธบัตร เกาหลี, เคพันธบัตร เกาหลี 1 ปี เอ็กซ์, บริษัท หลักทรัพย์ ซิมิโก้, บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน MFC, ธนชาติ RFC, โรงพยาบาลพญาไท 2, ธนาคารธนชาติ, บมจ. สินอุตสาหกรรม
และหุ้น บมจ.ทางด่วนกรุงเทพ มูลค่า 1 แสนบาท.
โพสต์ครั้งแรก 18 พฤศจิกายน 2009, 09:07:41
http://www.newskythailand.us/board/index.php?topic=8567.0
ปรับ ปรุงใหม่
http://www.newskythailand.info/board/index.php?topic=8567.0
