สังเขปการสนทนารับอรุณ
"อำนาจ" และ "ความมั่งคั่ง" เป็นสิ่งที่ผมเขียนไว้กว่า 20 ปีแล้ว ว่ามันคือ "บ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายของมนุษย์" และเราแต่ละคนในสังคม ถูกหล่อหลอมด้วยระบบคิดอย่างใดอย่างหนึ่ง จนก่อรูปขึ้นเป็น "จิตสำนึก" โดยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราอยู่ในสังคม "อำนาจนิยม" ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจคิดได้อย่าง มี "อิสระ" และเมื่อเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนสับสนนั่นเอง ที่จะเป็นหินลองทองพิสูจน์ว่า เราแต่ละคนมีความเข้มแข็งทางจิตสำนึกในฐานะมนุษย์ที่ตระหนักในความเป็น "สัตว์ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น" ได้มากหรือน้อยเพียงใด
ในท่ามกลางความรู้สึกล้มเหลวปราชัย เราไม่หนีหน้า แต่เราอาจต้อง "ก้มหน้า" มันเป็นความกล้าที่เจ็บปวดชนิดหนึ่ง
มิตรสหายรุ่นน้องทั้งหลายยังมีเวลาที่จะสรุปหาความจริงได้อีก แต่สามารถย่นระยะเวลาได้มากกว่าคนรุ่นผม เพราะทุกอย่างปกปิดกันไม่ได้เหมือนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว
สติ คือ อาวุธสำคัญที่สุดในท่ามกลางอารมณ์ หดหู่หลังความพ่ายแพ้ ผมอยากย้ำกับพวกเราอีกครั้ง ว่า "ประชาธิปไตยไม่อาจสร้างได้ด้วยความเกลียดชัง ความอาฆาตมาดร้าย และความกระเหี้ยนกระหือกระหายเลือด"
การ "ยัดข้อหา" และ "ของกลาง" คือสัญญลักษณ์สะท้อนความเป็นสังคม "อำนาจนิยม" และกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวแบบจารีตของสังคมนั้นเอง เครื่องมือสำคัญของความฉ้อฉลเลวร้า้ยที่สุดของระบอบรัฐแบบเผด็จอำนาจ คือการ "ปกปิดบิดเบือน" ข่าวสาร/ข้อมูล และการโฆษณาชวนเชื่อที่ดำเนินการโดยผู้กุมบังเหียนของระบอบการเมืองการปกครองที่ฉ้อฉลนั้น
ขอเรียกร้องให้ "ประชาชน" ทั้งประเทศ ไว้อาลัยแก่ "การจากไปของมโนธรรมสำนึก" พร้อมกับการมาถึงของ "สายเลือด หยาดเหงื่อ และคราบน้ำตา" ในเวลากลางดึกของวันที่ 13 พฤษภาคม 2553
ผมใช้เวลาตรึกตรองมาประมาณครึ่งปี ถึงเวลานี้ผมตัดสินใจก้าวออกมาเสนอตัวเพื่อ "สร้างชาติไทยที่เป็นอารยะด้วยหลักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" แล้วครับ
ความคับแค้น สลดหดหู่ จะเป็นแรงผลักดัน เป็นพลังด้านกลับ ให้ผมก้าวไปบนเส้นทางที่ผมไม่เคยคิดจะเลือกมาก่อนเลยในชีวิต.
หมายเหตุ ลำดับความจาก facebook 06.00-07.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม 2553
โพสต์ครั้งแรกใน http://arinwan.co.cc/index.php?topic=316.msg334#msg334
อ่านกระทู้/บทความลักษณะนี้ได้ที่ http://arinwan.co.cc/
"อำนาจ" และ "ความมั่งคั่ง" เป็นสิ่งที่ผมเขียนไว้กว่า 20 ปีแล้ว ว่ามันคือ "บ่อเกิดแห่งความชั่วร้ายของมนุษย์" และเราแต่ละคนในสังคม ถูกหล่อหลอมด้วยระบบคิดอย่างใดอย่างหนึ่ง จนก่อรูปขึ้นเป็น "จิตสำนึก" โดยจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เราอยู่ในสังคม "อำนาจนิยม" ที่ทำให้ผู้คนไม่อาจคิดได้อย่าง มี "อิสระ" และเมื่อเผชิญหน้ากับความปั่นป่วนสับสนนั่นเอง ที่จะเป็นหินลองทองพิสูจน์ว่า เราแต่ละคนมีความเข้มแข็งทางจิตสำนึกในฐานะมนุษย์ที่ตระหนักในความเป็น "สัตว์ผู้เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันทั้งนั้น" ได้มากหรือน้อยเพียงใด
ในท่ามกลางความรู้สึกล้มเหลวปราชัย เราไม่หนีหน้า แต่เราอาจต้อง "ก้มหน้า" มันเป็นความกล้าที่เจ็บปวดชนิดหนึ่ง
มิตรสหายรุ่นน้องทั้งหลายยังมีเวลาที่จะสรุปหาความจริงได้อีก แต่สามารถย่นระยะเวลาได้มากกว่าคนรุ่นผม เพราะทุกอย่างปกปิดกันไม่ได้เหมือนเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว
สติ คือ อาวุธสำคัญที่สุดในท่ามกลางอารมณ์ หดหู่หลังความพ่ายแพ้ ผมอยากย้ำกับพวกเราอีกครั้ง ว่า "ประชาธิปไตยไม่อาจสร้างได้ด้วยความเกลียดชัง ความอาฆาตมาดร้าย และความกระเหี้ยนกระหือกระหายเลือด"
การ "ยัดข้อหา" และ "ของกลาง" คือสัญญลักษณ์สะท้อนความเป็นสังคม "อำนาจนิยม" และกระบวนการยุติธรรมที่บิดเบี้ยวแบบจารีตของสังคมนั้นเอง เครื่องมือสำคัญของความฉ้อฉลเลวร้า้ยที่สุดของระบอบรัฐแบบเผด็จอำนาจ คือการ "ปกปิดบิดเบือน" ข่าวสาร/ข้อมูล และการโฆษณาชวนเชื่อที่ดำเนินการโดยผู้กุมบังเหียนของระบอบการเมืองการปกครองที่ฉ้อฉลนั้น
ขอเรียกร้องให้ "ประชาชน" ทั้งประเทศ ไว้อาลัยแก่ "การจากไปของมโนธรรมสำนึก" พร้อมกับการมาถึงของ "สายเลือด หยาดเหงื่อ และคราบน้ำตา" ในเวลากลางดึกของวันที่ 13 พฤษภาคม 2553
ผมใช้เวลาตรึกตรองมาประมาณครึ่งปี ถึงเวลานี้ผมตัดสินใจก้าวออกมาเสนอตัวเพื่อ "สร้างชาติไทยที่เป็นอารยะด้วยหลักประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" แล้วครับ
ความคับแค้น สลดหดหู่ จะเป็นแรงผลักดัน เป็นพลังด้านกลับ ให้ผมก้าวไปบนเส้นทางที่ผมไม่เคยคิดจะเลือกมาก่อนเลยในชีวิต.
หมายเหตุ ลำดับความจาก facebook 06.00-07.30 น. วันที่ 14 พฤษภาคม 2553
โพสต์ครั้งแรกใน http://arinwan.co.cc/index.php?topic=316.msg334#msg334
อ่านกระทู้/บทความลักษณะนี้ได้ที่ http://arinwan.co.cc/
