Article  :  Political   :  Forum  :  Facebook  :  Youtube

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2562

กบฏไพร่ กบฏชาวนาในสยาม-ไทย (74)

"ปือแร ดุซงญอ"
กบฏหรือสงคราม (7)

เผด็จการสองยุค คนหน้าคือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม หัวหน้าตัวจริงของการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ผู้ทำลายแผนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ตามแนวทางของนายปรีดี พนมยงค์ อดีตนายกรัฐมนตรีและรัฐบุรุษอาวุโส; ส่วนที่นั่งถัดไปคือ จอมพล สฤษดิ์ (จอมพลผ้าขาวม้าแดง) ธนรัชต์ หัวหน้าคณะรัฐประหารที่ยึดอำนาจของคนข้างหน้าเมื่อวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2500

ในเว็บไซต์ wikipedia สรุปไว้ในตอนท้ายของหัวข้อ "กบฏดุซงญอ" (http://th.wikipedia.org/wiki/กบฏดุซงญอ) ถึงผลที่ตามมาหลังเหตุการณ์ โดยย่อ แยกตามแหล่งที่มาคือปฏิกิริยาของฝ่ายรัฐบาลไทย, ปกิกิริยาของประชาชนในพื้นที่, ปฏิกิริยาจากมุสลิมในประเทศ และปฏิกิริยาจากสหพันธรัฐมาลายา (ส่วนหนึ่งของประเทศมาเลเซียปัจจุบันที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย)
**********
ปฏิกิริยาต่อเหตุการณ์

ปฏิกิริยาของฝ่ายรัฐบาล
จอมพล ป. พิบูลสงครามตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อสอบสวนหาสาเหตุ โดยมีพระยาอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง) เป็นประธานกรรมการ และ พ.ต.ท. เผ่า ศรียานนท์เป็นรองประธาน ระหว่างการสอบสวน ทางจังหวัดนราธิวาสส่งโทรเลขเข้ามาขอกำลังทหาร ทางรัฐบาลตัดสินใจส่งเรือรบ 3 ลำที่ซ้อมรบในบริเวณนั้น และเครื่องบิน 1 ฝูง เข้าไป แต่เหตุการณ์สงบลงเสียก่อน

คณะกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งได้ลงไปสำรวจบริเวณที่เกิดเหตุ ผลการสอบสวนของคณะกรรมการ แจ้งว่าการจลาจลเกิดจากความเข้าใจผิด ราษฎรมาชุมนุมกันมากเพื่อเข้าร่วมพิธีทางไสยศาสตร์ จนเป็นที่ผิดสังเกตของตำรวจ จึงขอเข้าตรวจค้น ชาวบ้านไม่ยอมจึงเกิดการปะทะกัน [เฉลิมเกียรติ ขุนทองเพชร.หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ กบฏหรือวีรบุรุษแห่งสี่จังหวัดภาคใต้. พิมพ์ครั้งที่ 2. มติชน. 2547] เนื่องจากพบว่าคนในพื้นที่ไม่พอใจมาก อับดุลลา หวังปูเต๊ะ เสนอให้เชิญตนกู มะไฮยิดดินเข้ามาปรึกษาในกรุงเทพมหานคร แต่รัฐบาลไม่ได้ทำตาม [ปิยนาถ บุญนาค. นโยบายการปกครองของรัฐบาลไทยต่อชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2475 - 2516). กทม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2534. หน้า 104-105]

ปฏิกิริยาของคนในพื้นที่
ผลจากการปราบปรามครั้งนี้ฝ่ายชาวไทยมุสลิมเชื้อสายมลายูในพื้นที่ไม่พอใจการกระทำของรัฐมาก ดังที่เขียนไว้ในงานเขียนของอิมรอนว่า
"...ถ้าข้าราชการเป็นผู้ฉลาดและมีสติปัญญาแล้ว ย่อมไม่เกิดจลาจลขึ้นแน่นอน ทั้งนี้เพราะนายและพรรคพวกโง่บัดซบและมีใจอำมหิต จึงกระทำต่อชาวมลายูเช่นนั้น..." [อิมรอน มะลูลีม. วิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับมุสลิมในประเทศ: กรณีศึกษากลุ่มมุสลิมในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้. กทม. อิสลามิคอะคาเดมี. 2538. หน้า 161]
ผลของการจลาจลทำให้ชาวไทยมุสลิมประมาณ 2,000 - 4,000 คนอพยพเข้าไปในสหพันธรัฐมลายู (ประเทศมาเลเซียปัจจุบัน) ความตึงเครียดในพื้นที่ ทำให้รัฐบาลประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อปราบคอมมิวนิสต์

การอพยพของคนไทยเข้าสู่มาลายายังเกิดอย่างต่อเนื่อง ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2491 นายกรัฐมนตรีกล่าวปราศัยผ่านทางวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยชักชวนให้ชาวไทยมุสลิมกลับคืนถิ่นฐาน แต่การลักลอบเข้ามาลายายังเกิดขึ้นอยู่ต่อไป [ปิยนาถ บุญนาค. อ้างแล้ว]

ปฏิกิริยาจากมุสลิมในประเทศ
เจริญ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดปัตตานี และบรรจง ศรีจรูญ ประธานสันนิบาตไทยอิสลาม ยื่นข้อเสนอให้รัฐบาลดูแลและปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวไทยในมุสลิมให้ดีขึ้น ขอให้มีเสรีภาพทางศาสนา วัฒนธรรมและการศึกษา ซึ่งทางรัฐบาลได้รับหลักการไว้พิจารณา [ปิยนาถ บุญนาค. อ้างแล้ว]

ปฏิกิริยาจากสหพันธรัฐมาลายา
เหตุการณ์นี้สร้างความไม่พอใจให้กับชาวมลายูในมาลายามาก โดยมีสมาคมที่โกตาบาห์รูส่งสาส์นมายังรัฐบาลไทยให้มีการแก้ไขปัญหาสี่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างสันติ และขอให้ปล่อยตัว หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ ที่ถูกจับในข้อหากบฏ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นรับปากว่าจะดูแลให้ดีที่สุด [ปิยนาถ บุญนาค. อ้างแล้ว]

ในขณะนั้นรัฐบาลไทยกับรัฐบาลมาลายามีความร่วมมือกันเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ตามแนวชายแดน โดยฝ่ายไทยขอร้องไม่ให้ฝ่ายมาลายาช่วยเหลือกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในไทย ส่วนรัฐบาลมาลายาต้องการให้ไทยร่วมมือกับมาลายาในการปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์มาลายาที่มีฐานที่มั่นบางส่วนในฝั่งไทย ความร่วมมือนี้ทำให้มีการกวดขันและลาดตระเวนตามแนวชายแดนมากขึ้น

การประกาศภาวะฉุกเฉินเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ในไทยทำให้หนังสือพิมพ์มาลายาโจมตีว่ารัฐบาลไทยหาโอกาสจะฆ่าชาวไทยมุสลิมที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล ทำให้รัฐบาลไทยต้องออกมาแถลงข่าวว่า จะมีการปฏิรูปอย่างกว้างขวางในสี่จังหวัดภาคใต้ โดยยึดถือตามรายงานของคณะกรรมการที่ลงพื้นที่ นำโดยนายอับดุลลา หวังปูเต๊ะ [ปิยนาถ บุญนาค. อ้างแล้ว]
**********
นอกจากนั้นในเว็บไซต์ฐานข้อมูลการเมืองการปกครอง สถาบันพระปกเกล้า ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ "กบฏดุซงญอ" เรียบเรียงโดย วรัญญา เพ็ชรคง และมีผู้ทรงคุณวุฒิประจำบทความคือ รองศาสตราจารย์นรนิติ เศรษฐบุตร และ รองศาสตราจารย์ ดร.นิยม รัฐอมฤต กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า (http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/กบฎดุซงญอ)
**********
ข้อมูลจากชาวบ้านดุซงญอที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งขึ้นไปรวมตัวบนเขาเพื่อประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ให้อยู่ยงคงกระพันเพื่อต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์ที่มักข้ามแดนมารังควานชาวไทยกลุ่มนี้เป็นประจำ ซึ่งพวกเขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีความระแวงกันอยู่เป็นทุนเดิม ในกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นคนหนุ่มที่หนีการเกณฑ์ทหาร เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นทหารเกณฑ์แล้วต้องถูกบังคับให้ไหว้พระพุทธรูป เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตามตัวชาวบ้านบนเขาให้ลงมา แต่ชาวบ้านไม่ยอมและขับไล่ตำรวจ ตำรวจจึงรวมกลุ่มกันขึ้นไปยิงชาวบ้านบนเขา ชาวบ้านจึงหนีลงมารวมตัวกันที่สุเหร่าและบ้านของโต๊ะเปรัก ก่อนจะถูกตำรวจยกพลเข้ามาปราบ

อย่างไรก็ตามรายละเอียดของเหตุการณ์ถูกเล่าเรื่องที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับว่าเป็นเอกสารของฝ่ายใด เอกสารของรัฐบาลไทยกับเอกสารที่เขียนโดยชาวมลายูให้ข้อมูลที่ต่างกันทั้งวันที่เกิดเหตุการณ์และจำนวนชาวบ้านดุซงญอผู้เสียชีวิต แต่จำนวนตำรวจที่เสียชีวิตตลอดเหตุการณ์ ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่าอยู่ที่ราว 30 คน การจัดการของรัฐบาล

จอมพล ป. ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งเพื่อสอบสวนหาสาเหตุโดยมีพระยาอมรฤทธิธำรง (พร้อม ณ ถลาง) เป็นประธานกรรมการและ พ.ต.ท. เผ่า ศรียานนท์ เป็นรองประธาน ระหว่างการสอบสวน ทางจ.นราธิวาสส่งโทรเลขเข้ามาขอกำลังทหาร ทางรัฐบาลตัดสินใจส่งเรือรบ 3 ลำที่ซ้อมรบในบริเวณนั้น และเครื่องบิน 1 ฝูง เข้าไป แต่เหตุการณ์สงบลงเสียก่อน
(ยังมีต่อ)



พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 11-17 มกราคม 2557
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2562

กบฏไพร่ กบฏชาวนาในสยาม-ไทย (73)

"ปือแร ดุซงญอ"
กบฏหรือสงคราม (6)

ภาพตัดปกหน้าหนังสือ "ดุซงญอ 2491 ถึงตากใบวิปโยค" เขียนโดย ภิกษุณีวรมัย กบิลสิงห์ จัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์/บริษัทร่วมด้วยช่วยกัน

ในเว็บไซต์ wikipedia บรรยายเหตุการณ์ในพื้นที่หลังจากมีการจับกุมตัวหะยีสุหลงไว้ในหัวข้อ "กบฏดุซงญอ" (http://th.wikipedia.org/wiki/กบฏดุซงญอ) จากหนังสือ ดุซงญอ 2491 ถึงตากใบวิปโยค [วรมัย กบิลสิงห์. ดุซงญอ 2491 ถึงตากใบวิปโยค. พิมพ์ครั้งที่ 2. ร่วมด้วยช่วยกัน. 2548. ระบุว่าเป็นข้อมูลจากตำรวจในเหตุการณ์; ผู้เขียนคือ พระภิกษุณีโพธิสัตต์ วรมัย กบิลสิงห์ ผู้ก่อตั้ง วัตรทรงธรรมกัลยาณี หรือ ทรงธรรมกัลยาณีภิกษุณีอาราม ซึ่งเป็นอารามภิกษุณีในประเทศไทย ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม ตำบลพระประโทน อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม โดยในปี พ.ศ. 2505 สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ (จวน อุฏฺฐายี) (ต่อมาเป็นสมเด็จพระสังฆราช) เป็นผู้วางศิลาฤกษ์สร้างโบสถ์] วิปโยค โดยลำดับเหตุการณ์ไว้ดังต่อไปนี้

24 เมษายน เจ้าหน้าที่รัฐได้รับรายงานว่า หะยีสะแมงฟันนายบุนกี (จีนเข้ารีตอิสลาม) ได้รับบาดเจ็บสาหัส

25 เมษายน ตำรวจและเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองรวม 4 นาย เข้าไปตรวจเหตุการณ์ในหมู่บ้าน ถูกพวกก่อจลาจลราว 30 คนถือดาบไล่ฟัน จนต้องหนีออกจากหมู่บ้าน

26 เมษายน
  • ตอนเช้า ตำรวจราว 28 นาย นำโดย ร.ต.อ. บุญเลิศ เลิศปรีชา ยกเข้ามาที่ตลาดดุซงญอและส่งตำรวจ 4 นาย คือ สิบตรีสง รุ่งเรือง พลฯสมัคร ประดิษฐ์ สุวรรณภักดี พลฯสมัคร บุญ กล้าหาญ และพลฯสมัคร สมศักดิ์ แหวนสำริด ไปเป็นกองล่อให้ฝ่ายจลาจลแสดงตัว ผลปรากฏว่าฝ่ายจลาจลมีกำลังมากกว่า ฝ่ายตำรวจต้องล่าถอย ตำรวจที่เป็นกองล่อทั้ง 4 นายเสียชีวิตทั้งหมด
  • ตอนค่ำ กำลังตำรวจจากจังหวัดใกล้เคียงคือ จังหวัดยะลา 20 นาย จังหวัดปัตตานี 30 นาย อำเภอสุไหงปาดี 8 นาย ยกมาสมทบและรวมกำลังกันที่ตำบลกรีซา 1 คืน
27 เมษายน กำลังตำรวจจากจังหวัดสงขลาอีก 20 นาย มาถึงตำบลกรีซา เริ่มยกพลเข้าหมู่บ้านดุซงญอ ปะทะกับพวกจลาจล ยิงโต้ตอบกันราว 3 ชั่วโมง ฝ่ายตำรวจจึงล่าถอย ระหว่างถอย พลฯสมัคร วิน ไกรเลิศถูกฝ่ายจลาจลยิงเสียชีวิต

28 เมษายน กำลังตำรวจเข้าโจมตีหมู่บ้านดุซงญออีกครั้ง และปราบปรามฝ่ายจลาจลได้เด็ดขาด

ข้อมูลจากชาวบ้านดุซงญอที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ชาวบ้านส่วนหนึ่งขึ้นไปรวมตัวบนเขาเพื่อประกอบพิธีทางไสยศาสตร์ให้อยู่ยงคงกระพันเพื่อต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์ ในกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งเป็นคนหนุ่มที่หนีการเกณฑ์ทหาร เพราะเชื่อว่าถ้าเป็นทหารเกณฑ์แล้วต้องถูกบังคับให้ไหว้พระพุทธรูป เจ้าหน้าที่ตำรวจขึ้นไปตามตัวชาวบ้านบนเขาให้ลงมา แต่ชาวบ้านไม่ยอม ขับไล่ตำรวจลงมา ตำรวจจึงรวมกลุ่มกันขึ้นไปยิงชาวบ้านบนเขา ชาวบ้านจึงหนีลงมารวมตัวกันที่สุเหร่าและบ้านของโต๊ะเปรัก ก่อนจะถูกตำรวจยกพลเข้ามาปราบ [ชัยวัฒน์ สถาอานันท์. ความเงียบของอนุสาวรีย์ลูกปืน: ดุซงญอ-นราธิวาส 2491. ศิลปวัฒนธรรม. ปีที่ 25 (9), กรกฎาคม 2547. หน้า 132-150; ผู้เขียนระบุว่าเป็นข้อมูลจากชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ปะทะช่วงแรก แต่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ช่วงที่มีการปราบปรามครั้งสุดท้าย]

อย่างไรก็ตามรายละเอียดของเหตุการณ์แตกต่างกันไปขึ้นกับว่าเป็นเอกสารของฝ่ายใด เอกสารของรัฐบาลไทยกับเอกสารที่เขียนโดยชาวมลายูให้ข้อมูลที่ต่างกันทั้งวันที่เกิดเหตุการณ์และจำนวนชาวบ้านดุซงญอผู้เสียชีวิต แต่จำนวนตำรวจที่เสียชีวิตตลอดเหตุการณ์ ข้อมูลส่วนใหญ่ระบุว่าอยู่ที่ราว 30 ศพ
**********
ยอดผู้เสียชีวิต

สรุปจำนวนผู้เสียชีวิตจากแหล่งต่างๆ ดังนี้ [ชัยวัฒน์ สถาอานันท์. ความเงียบของอนุสาวรีย์ลูกปืน: ดุซงญอ-นราธิวาส 2491.]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 26-27 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต มากกว่า 100 คน รายละเอียด: ชาวไทยมุสลิมเข้าโจมตีสถานีตำรวจ เกิดการต่อสู้ 2 วัน [แหล่งอ้างอิง: ปิยนาถ บุญนาค. นโยบายการปกครองของรัฐบาลไทยต่อชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พ.ศ. 2475 - 2516). กทม. จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย. 2534. หน้า 104-105]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 25-26 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต 30-100 คน รายละเอียด: ชาวไทยมุสลิมเข้าโจมตีสถานีตำรวจ โดยตำรวจเป็นฝ่ายยิงก่อน [แหล่งอ้างอิง: อิมรอน มะลูลีม. วิเคราะห์ความขัดแย้งระหว่างรัฐบาลไทยกับมุสลิมในประเทศ: กรณีศึกษากลุ่มมุสลิมในเขตจังหวัดชายแดนภาคใต้. กทม. อิสลามิคอะคาเดมี. 2538. หน้า 161]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 28 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 400 คน ตำรวจ 30 คน ไม่มีรายละเอียด [แหล่งอ้างอิง: อิบรอฮิม ชุกรี. ประวัติราชอาณาจักรมลายูปัตตานี แปลและเรียบเรียงโดย หะสัน หมัดหมาน มะหามะซากี เจ๊ะหะ และ ดลมนรรจ์ บากา. ปัตตานี: โครงการจัดตั้งสถาบันสมุทรรัฐเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี. 2541 หน้า 53-54]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 26 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 400-600 คน ตำรวจ 30 คน รายละเอียด: กำลังตำรวจ 3 กองร้อยเข้ากวาดล้างชาวบ้านที่ไม่มีอาวุธ มีเครื่องบินรบ 3 ลำ บินหาเป้าหมายในหมู่บ้าน [แหล่งอ้างอิง: Malek, Mohd Zamberi A. Umat Islam Patani: Sejarah dan Politik. Shah Alam: Hizbi. 1993 p. 210-211 (มาเลย์)]

ไม่ระบุวันที่เกิดเหตุการณ์ จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 1,100 คน ไม่มีรายละเอียด [แหล่งอ้างอิง: Syed Serajul Islam. The Islamic Independence Movements Patani of Thailand and the Mindanao of the philippines. Asian Survey. vol. XXXVIII No.5 (May 1998) p. 446 (อังกฤษ)]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 28 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 400 คน ตำรวจ 30 คน รายละเอียด: การปราบปรามเกิดขึ้นขณะชาวบ้านกำลังละหมาดซุบฮิของวันที่ 28 เม.ย. [แหล่งอ้างอิง: อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง. ดูซงญอ ฤๅคือกบฏ. ทางนำ. ตุลาคม 2543. หน้า 7]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 25-28 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 400 คน ตำรวจ 30 คน รายละเอียด: รัฐบาลส่งเครื่องบินรบเรือรบเตรียมเข้ากวาดล้าง ในวันที่ 27 เม.ย. ก่อนส่งกำลังตำรวจเข้ากวาดล้างเมื่อ 28 เม.ย. [แหล่งอ้างอิง: Mahmad, Nik Anuar Nik . Sejarah Perjuangan Melayu patani 1785 - 1954. Bengi: Penerbit University kebangsaan Malaysia. 1999. p.77 (มาเลย์)]

วันที่เกิดเหตุการณ์ 25-28 เม.ย. จำนวนผู้เสียชีวิต ชาวบ้าน 30 คน ตำรวจ 5 คน รายละเอียด: ดูจากตอนต้นของบทความตอนนี้ [แหล่งอ้างอิง: วรมัย กบิลสิงห์. ดุซงญอ 2491 ถึงตากใบวิปโยค. พิมพ์ครั้งที่ 2. ร่วมด้วยช่วยกัน. 2548]

(ยังมีต่อ)


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 4-10 มกราคม 2557
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562

กบฏไพร่ กบฏชาวนาในสยาม-ไทย (72)

"ปือแร ดุซงญอ"
กบฏหรือสงคราม (5)
 
นายแช่ม พรหมยงค์ จุฬาราชมนตรีท่านแรกในสมัยประชาธิปไตย นำเสด็จในหลวงทั้ง 2 พระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล คราวเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคพร้อมพระอนุชา (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช) เพื่อเยี่ยมชุมชนมัสยิดต้นสน เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2489

ในช่วงท้ายของบทความจากเว็บไซต์ฐานข้อมูลการเมืองการปกครองสถาบันพระปกเกล้า เรียบเรียงโดย วรัญญา เพ็ชรคง เรื่อง "กรณีการจับตัวหะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" (http://www.kpi.ac.th/wiki/index.php/กรณีการจับตัวหะยีสุหลง_อับดุลกาเดร์)ในหัวข้อ ผลกระทบจากสงครามมหาเอเชียบูรพา และจบลงด้วย หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ถูกจับและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เป็นการนำเสนอเพียงสาเหตุที่นำไปสู่ความไม่ไว้วางใจของรัฐบาล จอมพล ป.พิบูลสงคราม ซึ่งทำรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลหลวงธำรงนาวาสวัสดิ์ เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 ปิดฉากโดยสมบูรณ์ของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับนายปรีดี พนมยงค์ หัวหน้าคณะราษฎรสายพลเรือนดังได้กล่าวมาแล้ว และผลพวงสำคัญต่อกรณีความขัดแย้งในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดขึ้นจากการรัฐประหารครั้งนั้น คือการยุติความพยายามอย่างมีนัยสำคัญของรายปรีดีพนม กับผู้นำที่มีอิทิพลต่อประชาชนในพื้นที่ คือ หะยีสุหลง
**********
ผลกระทบจากสงครามมหาเอเชียบูรพา

นโยบายการสร้างชาติที่ได้ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อวิถีชีวิตชาวมุสลิมแล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันชาวมุสลิมในพื้นที่ดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบจากสงครามมหาเอเชียบูรณพาด้วย เมี่อชาวมุสลิมได้รับกระทบการการที่รัฐบาลร่วมมือกับญี่ปุ่นประกาศสงครามกับอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ทำให้สภาพเศรษฐกิจในพื้นที่ตกต่ำ ราคาข้าวสูงขึ้นมาก ถึงกับเกิดภาวะขาดแคลนข้าว ราคายางตกต่ำลง เพราะไม่สามารถส่งออกยางพาราได้ ผู้คนก็ไม่มีรายได้ที่จะจุนเจือครอบครัว บางหมู่บ้านขาดแคลนอย่างหนักถึงขนาดต้องกินเผือกและมันแทนข้าว และจากการที่ญี่ปุ่นต้องเดินทัพผ่านพื้นที่ทางการเกษตรของชาวบ้าน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักเพิ่มขึ้นไปอีก ยิ่งช่วงสมัยสิ้นสุดสงครามด้วยแล้ว เกิดขาดแคลนข้างสำหรับบริโภคเป็นอย่างหนัก ชาวมุสลิมต้องไปขอให้หะยีสุหลงหาทางช่วยเหลือ

ความไม่พอใจของชาวมุสลิมที่ได้รับผลกระทบมาจากทั้งสองด้านคือนโยบายสร้างชาติของรัฐบาลและวิธีการแก้ไขปัญหาของรัฐบาลในช่วงสงคราม เหล่านี้ล้วนตอกย้ำความไม่พอใจต่อการปกครองเพิ่มมากขึ้นทุกขณะ และยิ่งปะทุมากขึ้นจนถึงจุดแตกหักหลังจากสิ้นสุดสงครามเพียงไม่กี่ปี

หะยีสุหลง อับดุลกาเดร์ถูกจับและหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย

หลังจากโยบายรัฐนิยมของจอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้สร้างปัญหาให้ชาวไทยมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างมาก ชาวบ้านที่ไม่เคยเห็นดีกับการแบ่งแยกดินแดน ถูกผลักให้เป็นแนวร่วมของขบวนการคิดแบ่งแยกดินแดนไปโดยปริยาย กระนั้นก็ตาม หลังจาก จอมพล ป. หมดอำนาจและรัฐบาลที่นำโดยนายปรีดี พนมยงค์ ก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทน แผนการดับไฟใต้โดยรัฐบาลพลเรือนได้เกิดขึ้น อย่างเป็นขั้นเป็นตอน มีการแต่งตั้งนายแช่ม พรหมยงค์ เป็นจุฬาราชมนตรี พร้อมมอบหมายให้ ไปเจรจาแก้ปัญหาภาคใต้ โดยการรับฟังความคิดเห็น ความต้องการของผู้นำ ศาสนาอิสลาม

ขณะนั้น หะยีสุหลง เป็นนักการศาสนามีความรู้สูงที่สุดและเป็นที่ยอมรับของชาวมุสลิมเป็นอย่างมากกว่าผู้นำศาสนาคนอื่นในภาคใต้ หะยีสุหลงจึงกลายเป็นคนที่มีบทบาทในการร่างบันทึกข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลมากที่สุด แต่แผนการดับไฟใต้ของนายปรีดี ไม่อาจดำเนินการได้สำเร็จ เพราะ จอมพล ป. ได้ปฏิวัติยึดอำนาจอีกครั้ง ท่านปรีดีและนายแช่ม จุฬาราชมนตรี ต้องอพยพหลีกลี้หนีภัยการเมืองไปอยู่ต่างแดน

เมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่หนทางในการแก้ปัญหากลับไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ ในที่สุดหะยีสุหลงก็พลอยได้รับมรสุมภัยการเมืองด้วย เพราะรัฐบาลมองข้อเรียกร้องที่เสนอไปนั้น เป็นแผนการแบ่งแยกดินแดนที่ทำขึ้นมาตามแผนของลูกชายอดีตเจ้าเมืองปัตตานีที่สูญเสียอำนาจ ทั้งที่ข้อเรียกร้องนั้นเกิดจากความต้องการของทางรัฐบาลก่อนหน้านั้นที่ต้องการจะแก้ปัญหาภาคใต้ โดยข้อเรียกร้องที่เสนอไปมี 7 ข้อ มีดังนี้
1) ขอปกครอง 4 จังหวัดนี้เป็นส่วนหนึ่งประเทศไทย โดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูงให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลาม มีอำนาจแต่งตั้งและปลดข้าราชการออกได้ ผู้ดำรงตำแหน่งนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4 จังหวัด
2) การศึกษาในชั้นประถม (ขณะนั้นชั้นประถมมีเรียนแค่ชั้น ป.4) ให้มี การศึกษาภาษามลายูควบคู่ไปกับภาษาไทย
3) ภาษีที่เก็บได้ให้ใช้ภายใน 4 จังหวัดเท่านั้น
4) ในจำนวนข้าราชการทั้งหมด ขอให้มีข้าราชการชาวมลายู ร้อยละ 85 (คิดตามสัดส่วนประชากรในพื้นที่ มีผู้นับถือศาสนาอิสลาม 85% พุทธ 15%)
5) ขอให้ใช้ภาษามลายูควบคู่กับภาษาไทย เป็นภาษาราชการ
6) ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิรูปศาสนาอิสลาม โดยความเห็นชอบของผู้มีอำนาจสูงสุด
7) ให้ศาลรับพิจารณาตามกฎหมายอิสลามแยกจากศาลจังหวัด มีโต๊ะกอฎี หรือดาโต๊ะยุติธรรมตามสมควรและมีเสรีภาพในการพิจารณาคดี
จากข้อเรียกดังกล่าวจึงทำให้หะยีสุหลงถูกมองเป็นกบฏ เป็นผู้นำแบ่งแยกดินแดน ถูกจับดำเนินคดี 2 ข้อหาสำคัญ คือเป็นกบฏและหมิ่นประมาทรัฐบาลที่กล่าวหากดขี่ประชาชน

ในที่สุดศาลได้ตัดสินให้หะยีสุหลงพ้นมลทินข้อหากบฏ แต่มีความผิดในข้อหาหมิ่นประมาทรัฐบาล จนต้องถูกจำคุกที่เรือนจำนครศรีธรรมราชเป็นเวลา 4 ปี 6 เดือน และหลังพ้นโทษในปี พ.ศ.2495 หะยีสุหลงเดินทางกลับบ้านที่ปัตตานี และกลับไปเป็นครูสอนศาสนาอยู่เช่นเดิม

วันที่ 13 สิงหาคมพ.ศ. 2497 ตำรวจสันติบาลที่สงขลาเรียกให้หะยีสุหลงไปพบ เขาไปพร้อมกับลูกชายคนโตที่เป็นล่าม เพราะหะยีสุหลงและเพื่อนๆ ที่ถูกเรียกตัวไม่สามารถพูดภาษาไทยได้ บุคคลทั้งหมดได้ "สูญหาย" ไปและไม่กลับไปยังปัตตานีอีกเลย บ้างก็ว่าเขาถูกจับฆ่าถ่วงน้ำอยู่ในทะเลสาบสงขลา หลงเหลือไว้แต่ความทรงจำที่สร้างความรู้สึกหวาดกลัวให้กับคนรุ่นหลัง และคำถามมากมายที่ยังรอคำตอบ
(จบหัวข้อ "กรณีการจับตัวหะยีสุหลง อับดุลกาเดร์" แต่เพียงเท่านี้)
**********
ในเว็บไซต์ wikipedia.org เขียนถึงเหตุการณ์ในพื้นที่หลังจากมีการจับกุมตัวไว้ว่า
หะยีสุหลงถูกจับด้วยข้อหากบฏเมื่อ 16 มกราคม พ.ศ. 2491 ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ราษฎรอย่างกว้างขวาง
การรวมกลุ่มของชาวไทยเชื้อสายมลายูในยุคนั้นมีอยู่ด้วยกัน 2 สาเหตุ อย่างแรก คือ ไม่พอใจนโยบายรัฐบาลที่ราษฎรรู้สึกว่าเป็นการกดขี่พวกตน อย่างที่สองคือ รวมตัวกันต่อสู้กับโจรจีนคอมมิวนิสต์มาลายาที่มักข้ามแดนมารังควานชาวไทยเชื้อสายมลายูเป็นประจำ แต่พวกเขาไม่กล้าขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่รัฐเพราะมีความระแวงกันอยู่แล้ว ความระแวงซึ่งกันและกันนี้เป็นให้เกิดความรุนแรงขึ้นในที่สุด ทั้งโดยความเข้าใจผิดและถูกยุยงจากผู้ไม่หวังดี
(ยังมีต่อ)


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 28 ธันวาคม 2556-3 มกราคม 2557
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน
ร่วมสนับสนุนการเขียนและเผยแพร่ความคิด และกิจกรรมได้โดยโอนเงินไปที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน
ชื่อบัญชี วัฒนา สุขวัจน์
บัญชีเลขที่ 986-2-87758-8