"กบฏผีบุญ นายศิลา วงศ์สิน"
กบฏสุดท้ายก่อนยุคคอมมิวนิสต์ (3)
จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ในการแถลงข่าววันที่
1 มีนาคม 4 วันหลังจากการประกาศผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่
26 กุมภาพันธ์ 2500 โดยมี พลโท หม่อมหลวง ขาบ กุญชร (ซ้ายสุด) ร่วมรับฟัง (ภาพถ่ายโดย
John Dominis ที่มา: LIFE Picture Collection)
(หมายเหตุ: สรรพนาม "ผม" ในเนื้อหาเป็นของเจ้าของและผู้เขียนบล็อกเกอร์)
**********
เจ้าหน้าที่ตะโกนประกาศเสียงดังให้ชาวบ้านเดินเรียงแถวออกมามอบตัวและวางอาวุธ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้น ประกาศหลายครั้งก็ไม่เห็นจะมีวี่แววว่าจะมีชาวบ้านคนใดออกมามอบตัวหมู่บ้านใหม่ไทยเจริญยุคนั้นที่กบถผีบุญภายใต้การนำของนายศิลา ผู้ประกาศตนอ้างเอาแผ่นดินของหมู่บ้านใหม่ไทยเจริญซึ่งเป็นส่วนหนึ่งเล็กๆ ของนครราชสีมาและของโลกมาเป็นเจ้าของ อ้างเป็นเจ้าแผ่นดิน ตามธรรมเนียม และแสดงอภินิหารให้คนเห็นและอ้างว่าตนเป็นผู้วิเศษสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บ ของชาวบ้านได้ นอกจากแนวป่าพ้นหมู่บ้านไปก็เป็นที่โล่งที่ชาวบ้านหักร้างถางพงกับแนวป่าของหมู่บ้าน
กองกำลังของเจ้าหน้าที่เคลื่อนตัวพร้อมกันบีบเข้าไปล้อมหมู่บ้านตามคำสั่งของท่านผู้กำกับ การ ตำรวจภูธร ภาค 3 พลตำรวจจัตวามุข ห่างจากหมู่บ้านราว 300 เมตร เสียงปืนพร้อมห่ากระสุนก็ระดมยิงออกมาจากหมู่บ้านใส่เจ้าหน้าที่ทั้งหมด เจ้าหน้าที่ยิงโต้ตอบพร้อมกับเข้าที่กำบัง เพราะการบุกเข้าไปจากที่โล่ง ฝ่าเข้าไปแนวดงไม้ทึบชายหมู่บ้านเป็นปราการกีดขวางธรรมชาติชั้นดี ตอนนี้อย่าลืมนึกถึงฉากยิงภูเขา เผากระท่อมของหนังไทยยุคเก่าๆ การต่อสู้แบบหูดับไหม้อาวุธนานาชนิดของเจ้าหน้าที่มากมาย กับกองกำลังชาวบ้านพรรคพวกของกบถผีบุญ
การสู้รบล่วงเลยมาจนบ่าย เจ้าหน้าที่ผลัดเปลี่ยนการบุกไปแล้วหลายระลอกแต่ก็ไม่เป็นผล หากพลบค่ำการสู้รบยังไม่จบอาจเกิดผลกระทบอื่นต่อทางราชการ สถานการณ์อาจขยายตัวบานปลายเป็นอย่างอื่นต่อไปอีก
เจ้าหน้าที่ต่างนำอาวุธหนักที่เจ้าหน้าที่สมัยนั้นมีออกมาใช้บุก ทั้งปืนกลหนัก ปืนกลเบาและเครื่องยิงจรวดต่อสู้แบบบาซูก้าเป็นหลัก หลังการระดมยิงไม่นานแนวป้องกันของกลุ่มกบถผีบุญด้านป่าละเมาะของหมู่บ้าน เริ่มต้านการบุกของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่อยู่ หากว่าเจ้าหน้าที่เอาจริงเอาจังไม่เน้นการสมานฉันท์แบบไม่ลืมหูลืมตา ใช้กฎหมายเป็นกฎหมายเมื่อไหร่ ความสำเร็จก็ต้องเป็นของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง แนวต้านของกบถผีบุญเริ่มแผ่วและถอนกำลังกันเข้าไปในหมู่บ้าน จนเจ้าหน้าที่รุกคืบแนวต้านก่อนเข้าหมู่บ้านได้ทั้งหมด
ใกล้ห้าโมงเย็นเจ้าหน้าที่สามารถบุกเข้าไปในหมู่บ้านได้ ฝ่ายกบถเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายคน จับได้ 38 คน โดยมีหญิง 15 คนชาย 6 คน และ 17 คน อีกส่วนหนึ่งที่แข็งแรงพอจะสู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้ ยังไม่วางอาวุธเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่ป่าใกล้หมู่บ้านจับได้อีก 40 คน
นายศิลา หัวหน้ากบถพร้อมกับญาติๆ ผู้ทำให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองต้องเหนื่อยในวันสิ้นเดือนพอดี ไม่มีเวลาไปคิดเรื่องเงินเดือนจะพอใช้หนี้หรือเปล่าในเดือนนั้น สามารถนำกำลังคนสนิท 10 คนตีฝ่าวงล้อมเจ้าหน้าที่ออกไปได้ เก่งสมกับเป็นหัวหน้าพอสมควร สามารถหนีไปได้อย่างลอยนวล
สื่อหนังสือพิมพ์สมัยนั้นไม่รู้จะเอียงเหมือนสมัยนี้หรือเปล่าไม่รู้ ได้ลงข่าวเหตุการณ์การสู้รบใหญ่โต ของกลุ่มกบถผีบุญผู้กล้าท้าทายอำนาจรัฐ ที่ผีบุญยุคนั้นหาใช่พวกอ้างกฎหมาย อ้างสิทธิมนุษยชนอะไรเหมือนสมัยนี้ ทำให้บ้านเมืองวุ่นวายจนเกิดเป็นจลาจล สื่อหลายฉบับได้สวดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองของนครราชสีมา ถึงการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอาใจไปตีกอล์ฟ ไม่ใส่ใจ หูไวตาไวในการดูแลทุกข์สุขราษฎรปล่อยให้มีการรวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นร้อย ต่อสู้กับบ้านเมืองได้ขนาดนี้
ข่าวหลายกระแสบอกว่านายศิลาหนีเข้าประเทศลาวไปแล้ว บางกระแสบอกว่าเข้าชายแดนเส้นทางเขมรเพราะชำนาญเส้นทางนี้เป็นพิเศษ บ้านเมืองต้องระดมส่งสายสืบไปตามควานหาตัวให้เจอ
หลังการสู้รบเจ้า หน้าที่ได้เข้าตรวจค้นหมู่บ้าน พบปืนยิงเร็ว ปืนเก็บเสียงและเอกสารทางศาสนาและตำราพวกคาถาอยู่ยงคงกระพันเจ้าหน้าที่จึง เก็บไว้เป็นหลักฐาน
ตำรวจได้ระดมกำลังกันตามล่านายศิลา ผีบุญผู้ท้าทายอำนาจรัฐอยู่ด้วยความยากลำบาก กว่ายี่สิบวันที่นายศิลาพาลูกเมียพี่น้อง 7-8 คน รอนแรมในป่าลึกด้วยความยากลำบากหนีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเช่นกัน แล้วก็จนมุมเจ้าหน้าที่ในวันที่ 20 มิถุนายน 2502
เช้าวันที่ 21 มิถุนายน นายศิลาก็ถูกนำตัวมาจากอุบล ถึงนครราชสีมาเพื่อให้ท่าน พลตำรวจตรีประชา บูรณะธนิต ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 3 ที่รอสอบอยู่นานหลายวันแล้ว ก่อนที่จะให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าว
"ความผิดของนายศิลา ที่ทำตนเป็นผู้วิเศษหรือผีบุญนี้มีโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต แม้จะรับสารภาพก็ไม่อาจได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ"
คำสัมภาษณ์ดังกล่าวผมไม่แน่ใจว่ามีสื่อประเภทบันทึกเสียงหรือเปล่า หากเป็นสมัยนี้อาจมีภาพมีเสียงประกอบแน่นอน แต่นั่นมันยุคห้าสิบกว่าปีที่แล้วแต่ความคิดเรื่อง ความเชื่อของวิเศษขลังๆ ผู้วิเศษหากคิดเป็นสัดส่วนจำนวนประชากรตอนนั้นสิบกว่าล้าน กับตอนนี้หกสิบกว่าล้านคิดว่าเปอร์เซ็นไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ แน่นอนคนมาก จำนวนมากเวลามีข่าวผู้มีบุญ หรือของวิเศษที่ไหน ภาพประกอบจำนวนผู้คนศรัทธาแก่กล้ารอตัวดีๆ หรือคำพูดเด็ดๆ เอาไปตีความเสี่ยงโชคกับหวย กับเบอร์จะมากเป็นพิเศษ
สายของ วันที่ 22 มิถุนายน 2502 นายศิลา วงศ์สิน ก็มีผู้นำตัวไปเที่ยวกรุงเทพแบบขาดอิสรภาพที่กองปราบสามยอด ศิลาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ว่า ได้ตั้งตนเป็นกษัตริย์อย่างหนักแน่น
"มิได้เป็นกบถหรือแบ่งแยกดินแดนอย่างที่กล่าวกัน"ข้อความที่โค้ดไว้ และวันเวลานี่จากสื่อที่คุณธนาคมเจ้าของหนังสือ กบถอีสาน ได้เรียบเรียง ผมไม่แน่ใจว่าคนอืนสมัยนั้น จะพูดภาษากลางหรือคนภาคกลางจะเข้าใจคำภาษาถิ่นอีสานทุกคำเหมือนสมัยนี้ เพราะสมัยนี้ศัพท์หลายคำเหมือนกันเพียงสำเนียงต่างที่ต่างถิ่นเท่านั้น ในอดีต คำเดียวกัน ต่างที่ต่างถิ่น คนละความหมายกันเลยเช่น คำว่าแพ้ ภาษาลาว หรืออีสาน แปลว่าชนะ "เอ็งตีแพ้หมอนี่ไหม?" ตอบว่าแพ้ คือ ว่าสู้หมอนั่นได้ คือ ชนะ นั่นเอง
(ยังมีต่อ)
ประเด็นหนึ่งที่นับว่าน่าสนใจ เมื่อบล็อกเกอร์บรรยายถึงบทบาทของสื่อมวลชนในสมัยนั้น ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ระบอบเผด็จการเบ็ดเสร็จหลังการรัฐประหาร (ซ้ำ) ที่นำโดย "จอมพลผ้าขาวม้าแดง" สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ที่ดูจะ "เร่งรัด" การปราบปรามอย่างรุนแรงเด็ดขาดต่อการก่อการของนายศิลาฯ โดยอ้างอิงว่า"สื่อหลายฉบับได้สวดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองของนครราชสีมา ถึงการเอาหูไปนา เอาตาไปไร่ เอาใจไปตีกอล์ฟ ไม่ใส่ใจ หูไวตาไวในการดูแลทุกข์สุขราษฎรปล่อยให้มีการรวบรวมสมัครพรรคพวกเป็นร้อย ต่อสู้กับบ้านเมืองได้ขนาดนี้".
พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 10-16 พฤษภาคม 2557
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน