ว่าด้วยการลุกขึ้นสู้ของประชาชน (1)
"กบฏผีบุญ" ในประวัติศาสตร์
ภาพพิมพ์แกะไม้ญี่ปุ่นสมัยเมจิ
แสดงเครื่องแบบทหารนานาชาติที่เข้าร่วมปราบกบฏนักมวยพร้อมธงประจำทัพเรือของตนในปี
ค.ศ. 1900 (จากซ้ายไปขวา - แถวบน) อิตาลี, ออสเตรีย-ฮังการี, เยอรมนี, รัสเซีย
(แถวล่าง) สหรัฐอเมริกา, ฝรั่งเศส, ญี่ปุ่น,
สหราชอาณาจักร
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/10/BoxerTroops.jpg
https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/1/10/BoxerTroops.jpg
บทความชิ้นแรกในงานชุดนี้ ตีพิมพ์ใน โลกวันนี้ วันสุข ปีที่ 7 (13) ฉบับที่ 373 วันที่ 18-24 สิงหาคม 2555 โดยเริ่มต้นย่อหน้าแรกไว้ว่า:
ก่อนอื่นคงต้องทำความเข้าใจกับนิยาม "กบฏ" เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่เป็นเอกภาพสำหรับข้อเขียนชิ้นนี้ เนื่องจากคำว่า "กบฏ" ครอบคลุมความหมายอยู่หลายบริบทที่หมายถึง "การยึดอำนาจการปกครองที่ไม่สำเร็จ" ไม่ว่าการยึดอำนาจนั้นจะมีจุดมุ่งหมายหรือเนื้อหา "เปลี่ยนผ่านระบอบการปกครอง" หรือเพียงแต่ "เปลี่ยนมือผู้กุมอำนาจการปกครอง" แต่ทั้งนี้ เนื้อหาที่มีลักษณะร่วมประการสำคัญคือเป็นการ "ลุกขึ้นใช้กำลังอาวุธเข้าโค่นล้มอำนาจการปกครองเดิม" โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลในหมู่ "ผู้ปกครอง" หรือ "การลุกขึ้นสู้" โดยผู้คนธรรมดาสามัญชนหรือข้าทาสบ่าวไพร่ที่เป็น "ผู้ถูกปกครอง"
**********
และทิ้งท้ายไว้ที่ 2 ย่อหน้าสุดท้ายว่า:ในการลุกขึ้นสู้ทุกครั้ง รวมทั้ง 3 ครั้งดังกล่าว (คือ กบฏพรรคดอกบัวขาว ค.ศ. 1794, กบฏไท่ผิง ค.ศ. 1851 และ กบฏนักมวย ค.ศ. 1898) กล่าวได้ว่าเกิดขึ้นจากการถูกสภาพแวดล้อมบังคับกดดันอย่างหนัก และหาทางออกด้วยการล้มล้างสังคมเก่านั้น...
กบฏทั้งหมดใช้ไสยศาสตร์นำ และถูกปราบราบคาบ.
**********
และก่อนหน้านั้นหนึ่งสัปดาห์ ผู้เขียนเขียนบทความเรื่อง "เทวสิทธิ์ในระบอบราชาธิปไตยกับอเทวนิยมของประชาธิปไตย" ตีพิมพ์ใน โลกวันนี้ วันสุข ปีที่ 7 (13) ฉบับที่ 372 วันที่ 1-17 สิงหาคม 2555 โดยเริ่มต้อน 2 ย่อหน้าแรกไว้ดังนี้:แนวคิดการปกครองในระบอบประชาธิปไตยมาพร้อมปรัชญาลัทธิมนุษยนิยม (Humanism) ที่ถือกำเนิดและมีอิทธิต่อสำนักคิดทางปรัชญาและวิทยาศาสตร์ในซีกโลกตะวันตกในคริสต์ศตวรรษที่ 17 และพัฒนาไปสู่ลัทธิธรรมชาตินิยม (Physiocracy) ซึ่งถือกำเนิดขึ้นในฝรั่งเศสในคริสต์ศตวรรษที่ 18 ทั้ง 2 กระแสปรัชญาหลังยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาการ (Renaissance) ระหว่างคริสต์ศตวรรษที่ 14 ถึง 17 และยุคแห่งความรู้แจ้ง (The Age of Enlightenment) ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 18 ซึ่งก่อรูปและพัฒนาขึ้นมานับจากมนุษย์ ทำลาย "พระเจ้า" ในรูปการจิตสำนึกลงไปได้ พร้อมกับการล่มสลายของปรัชญาเทวนิยมซึ่งครอบงำอารยธรรมโลกตะวันตกมานับพันปีนั่นหมายความว่า ประชาธิปไตยนั้นมาพร้อมปรัชญาลัทธิอเทวนิยม (Atheism)
**********
ประเด็นที่ผู้เขียนพยายามนำเสนอต่อผู้อ่าน มีเป้าหมายอยู่ที่การศึกษาการเกิดและการพัฒนาของปรัชญาและระบบการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เกิดขึ้นจริงในเส้นทางอารยธรรมของมนุษยชาติ อย่างน้อย ในห้วงเวลาประมาณ 4 ศตวรรษจนถึงปัจจุบัน ซึ่งบทสรุปที่สำคัญ (และเขียนขยายความในเวลาต่อมาในเว็บบอร์ด http://arinwan.info/index.php?topic=528.0 (ถูกโจมตีพร้อมกันในขนาดมหึมา จนเว็บล่ม และกู้คืนทุกอย่างไม่ได้มาจนทุกวันนี้) ในหัวข้อ "หยุดบิดเบือนและมอมเมาการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย") จากประสบการณ์ 42 ปีนับจากการเข้าร่วมเคลื่อนไหวคัดค้าน "ประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 299" โดยคณะรัฐประหารภายใต้การนำของ จอมพล ถนอม กิตติขจร ในเดือนธันวาคม 2515 คือ:นี่คือประวัติอารยธรรมของมนุษยชาติในรอบ 1 สหัสวรรษ ทันทีที่ปรัชญาเทวนิยมล่มสลายลง แนวคิดของนักคิดคนสำคัญฝ่ายประชาธิปไตยก็เริ่มก่อรูปขึ้นมาภายใต้พัฒนาการของวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ จากนั้นการประดิษฐิคิดสร้างจากสมองและสองมือของมนุษย์ จึงนำพามนุษย์ก้าวพ้นขีดจำกัดของการเป็นเพียงสิ่งมีชีวิต "ตามยถากรรม" ไปทันที
เมื่อมนุษย์ตระหนักว่าภูตผีปิศาจ หรือเทวดานางฟ้า หรือแม้แต่พระเจ้าที่ถูกสร้างขึ้นให้อยู่เหนือธรรมชาติและทรงมหิทธิานุภาพ ล้วนมีขึ้นเพื่อจุดมุ่งหมายให้มนุษย์ไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้ จากการที่ปรัชญาเทวนิยมทั้งหลายเหล่านั้น ถูกสร้างเพื่อมนุษย์กลุ่มหนึ่ง ใช้เป็นอำนาจเหนือธรรมชาติ หรือเทวสิทธิ์ "กด" มนุษย์ที่ถูกถือว่าต่ำต้อยน้อยหน้ากว่า มาเป็นเวลานับพันปี
การลุกขึ้นสลัดโซ่ตรวนของปรัชญาเทวนิยมนี้เอง ที่เป็นการทำลายห่วงโซ่ข้อแรก และเป็นการลุกขึ้นปลดแอกในขอบเขตจิตสำนึกเยี่ยงผู้ถูกปกครอง ขึ้นสู่การถามหากระบวนการปกครองตนเอง นั่นคือ...
"ระบอบประชาธิปไตย"
**********
ไสยศาสตร์/จิตนิยม/เทวนิยม สร้างประชาธิปไตยไม่ได้ การปฏิวัติประชาธิปไตย ก่อนอื่น คือทำลายพระเจ้า ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หมด ปาฏิหาริย์มีเพียงประการเดียว คือ พลังประชาชน
ปรัชญาการเมืองประชาธิปไตย ถือกำเนิดขึ้นบนความล่มสลายของระบอบราชาธิปไตยทั้งมวลในทวีปยุโรป ซึ่งเป็นผลตามมาของการพังทลายของปรัชญาเทวนิยมที่ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ และผูกขาดความถูกต้องชอบธรรมแบบสัมบูรณ์ โต้แย้งไม่ได้ ภายใต้กฎของพระผู้ทรงมหิทธานุภาพ.
**********
ฝ่ายเผด็จการอำมาตย์เชื่อในเทวนิยม เป็นปรัชญาจิตนิยม/ไสยศาสตร์; ฝ่ายประชาธิปไตย เป็นอเทวนิยม เป็นปรัชญาวัตถุนิยม/วิทยาศาสตร์
กรุงวอชิงตันไม่มี "ศาลหลักเมือง" และไม่มี "ผูกดวงเมือง"; คำประกาศ 4 กรกฎาคม 1776 ที่ฟิลาเดลเฟีย ไม่มีการวางฤกษ์...
ถ้าอยากสร้างประชาธิปไตย ต้องหยุด "เทวนิยม" ในระบบคิดของเราให้ได้ นั่นคือต้องหยุด "ผี/เทวดา" ในใจให้ได้ก่อน... เริ่มต้นความเชื่อมั่นศรัทธาในมนุษย์ แล้วเราจึงจะเชื่อมั่นพลังของเราเอง พลังประชาชน ที่มีลักษณะเป็นดินเหนียว ไม่ใช่ทรายร่วนอีกต่อไป
หยุดจิตนิยม/เทวนิยม ทำลายสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้หมดไป ปลดปล่อยพลังแห่งมนุษยภาพให้เต็มที่ ประชาธิปไตยย่อมบังเกิด
อย่าเอาไสยศาสตร์ไปสู้ไสยศาสตร์ อย่าสร้างผีตัวใหม่ไปสู้ผีตัวเก่า อย่าใช้เผด็จการไปสู้เผด็จการ; ใช้วิทยาศาสตร์สู้ไสยศาสตร์ ใช้คนไปสู้ผี และใช้ประชาธิปไตยสู้เผด็จการ; ชัยชนะจึงจะอยู่ในวิสัยที่พูดถึงได้.
(ยังมีต่อ)
พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 24-30 พฤษภาคม 2557
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน