ทางเลือกแห่งสหัสวรรษของสยามประเทศ
โลกหลังสหัสวรรษ ที่วิถีชีวิตสมัยใหม่ นวัตกรรมใหม่ ระบบคิดใหม่ ไม่มีพรมแดนทางเผ่าพันธุ์และวัฒนธรรมกีดกั้นอีกต่อไป ผลแพ้ชนะในความขัดแย้งระหว่างจารีตแห่งวัฒนธรรมเก่าแก่ของประชาชาติหนึ่ง กับพลังแห่งเยาวภาพที่เกิดขึ้นใหม่ คือตัวบ่งชี้ทิศทางแห่งอนาคตของอารยธรรมของประชาชาตินั้นๆ ไม่มีแม้สักประชาชาติเดียวที่จะจองจำตนเองอยู่ได้กับอดีตอันรุ่งเรืองในช่วง เวลาหนึ่งๆ... นัยหนึ่งไม่มีสิ่งใดหนีพ้นกฎอนิจจลักษณ์ได้เป็นเด็ดขาด
ทุกความพยายามที่จะฝืนการก้าวพัฒนาไปเบื้องหน้า จะต้องแบกรับมลทินแห่งความบาปในฐานะตัวถ่วงดุลยภาพ ที่ธรรมชาติกำหนดเป็นเส้นทางที่ไม่อาจบิดเบือนได้ ผลพวงจากหายนพิบัติภัยอย่างมีเจตนา จะต้องสนองตอบหรือตามหลอกหลอนมนโนธรรมสำนึก - หากว่ายังมีมโนธรรมสำนึก - ของพลังปฏิกิริยาทั้งปวง ที่ขัดขวางพัฒนาการทางสังคมแห่งมหายุคนี้...
หน้าไหนก็ไม่อาจหนีพ้น!!!
พัฒนาการของสังคมใดๆ ย่อมไปพ้นอคติ 4 และย่อมอยู่เหนือเจตจำนงเสรีของปัจเจก หรือแม้แต่มวลมหาประชาชน ด้วยหน่ออ่อนของสังคมที่จะเกิดใหม่นั้น ในทุกยุคทุกสมัยล้วนก่อรูป ดำรงอยู่ และเติบโตกล้าแข็งขึ้น กระทั่งในความพยายามบีบกดจากสังคมดั้งเดิมที่มันก่อกำเนิดขึ้นมานั้นเอง
รูปธรรมของการเปลี่ยนผ่านระยะทางประวัติศาสตร์ของทุกระบบสังคม ล้วนไม่ขึ้นต่อความเกลียดชัง ความอาฆาตมาดร้าย ความกระเหียนกระหือ ซึ่งฉาบทางเพียงผิวเผินบนเปลือกของความเปลี่ยนแปลงนั้น
ดูเหมือนว่า แม้ในส่วนที่ก้าวหน้าที่สุดของพลังที่ปฏิกิริยาที่สุด ครั้งหนึ่งอาจเคยยึดกุมรากฐานทางความคิดที่ว่า อาจกำจัดทำลายเยาวภาพของการเปลี่ยนแปลงอันเป็นนิรันดรนั้น ด้วยความเกลียดชังยิ่งกว่า ความอาฆาตมาดร้ายที่ลึกซึ้งกว่า และความกระเหี้ยนกระหือที่โหดหืนกระหายเลือดยิ่งกว่า
แต่ประวัติศาสตร์แห่งการเปลี่ยนแปลงของจักรวาล ได้ให้บทเรียนอันเป็นข้อสรุปที่ไม่อาจปกปิดบิดเบือนเป็นอย่างอื่น ว่า ด้วยจุดยืนและการกระทำเช่นนั้น รังแต่จะนำความรุนแรงอันไม่อาจควบคุมได้ยิ่งขึ้นทุกทีมาสู่การเปลี่ยนผ่านอย่างมิพักต้องสงสัย
นัยหนึ่ง เมื่อประวัติศาสตร์เองย่อมถูกจดจารด้วยผู้ชนะในที่สุด ยังไม่มีหน้าไหนในประวัติอารยธรรมมนุษย์ ที่ชี้ว่า...ทรราชย์คือฝ่ายธรรมะ แม้สักหน!
3 ปีเศษมานี้ สังคมไทยเพียงหยุดยั้งในห้วงเวลาสุกดิบเพื่อตระเตรียมการขยับครั้งใหญ่ สำหรับการอภิวัฒน์ใหญ่ด้วยแรงขับดันอันมหาศาลที่สั่งสมมาในตลอดวันวารของมหายุค 2 ศตวรรษช่วงรอยต่อของกึ่งพุทธกาล
ณ เวลานี้ สรรพชีวิตทั้งที่เป็นปัจเจก และทั้งที่เป็นหน่วยเนื้อน้อยใหญ่ ของเผ่าพันธุ์ที่หลอมรวมขึ้นเป็นสยามประเทศ มีหนทางให้เลือกน้อยลงไปทุกทีแล้ว... หรือหากจะกล่าวอย่างถึงที่สุด คือทางเลือกระหว่าง
พลังประชาธิปไตย กับ พลังปฏิกิริยาที่เป็นปฏิปักษ์ต่อประชาธิปไตย.
เรียบเรียงจากเว็บพจบนเฟซบุ๊ค ก่อนเที่ยงคืน 4 กรกฎาคม 2553