อย่าให้ระบอบรัฐปฏิกิริยาบิดเบือนสัจธรรม
ทุกรางวัลของรัฐเผด็จอำนาจ มีจุดมุ่งหมายเพียงประการเดียว คือ "พิทักษ์ระบอบการปกครองที่เป็นเผด็จการ" เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นรางวัลทางด้านศิลปะ วัฒนธรรม หรือศีลธรรมจริยธรรมใดก็แล้วแต่ ล้วนแต่ส่งเสริมระบบคิดปกปิดบิดเบือนสัจธรรม มอมเมาจิตสำนึกทาสไพร่ที่ปล่อยไม่ไป ให้หลงใหลได้ปลื้มอยู่ในความฉ้อฉล ที่กดขี่ขูดรีดผู้คน แบ่งแยกประชาชนเป็นพวกและฝ่าย ท้ายที่สุดเพื่อยืนยันระบอบ "แบ่งแยกแล้วปกครอง"
เมื่อใดที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเกิน 51% ตระหนักในเสรีภาพและความเสมอภาค ก็สามารถสร้างประชาธิปไตยได้โดยพื้นฐานแล้ว ที่สำคัญคือพวกเรานี้เองเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่าง "ประชาธิปไตย" "รัฐธรรมนูญ" และ "การเลือกตั้ง" ในบริบทที่ถูกต้องและจำเป็นกันแค่ไหน
นั่นคือ อย่าหลงทางว่ารัฐธรรมนูญและการเลือกตั้งสร้างประชาธิปไตย หากต้องทำความเข้าใจว่าต้องให้ประชาธิปไตยที่แท้จริงสร้างรัฐธรรมนูญเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้ง
เบื้องต้นจากการสร้างความเข้มแข็งทางหลักคิดในหมู่มิตรสหายประชาธิปไตย เป็นการลงฐานรากที่แข็งแรง จากนั้นจึงใช้ความอดทนและความมีใจกว้างทำความเข้าใจไปยังพี่น้องประชาชนฝ่ายกลาง ที่อยู่ในภาวะติดตามสังเกตความเป็นไปของสังคม ตามมาด้วยพวกฝ่ายกลางประเภท "อะไรก็ได้ที่ไม่กระทบวิถีชีวิตสะดวกสบายที่คุ้นชิน" จากนั้นฝ่ายประชาธิปไตยจึงใช้หลักเหตุผลที่เข้มแข็งลงตัวและทรงพลัง รณรงค์ตีโต้แนวความคิดของฝ่ายปฏิกิริยาให้แตกพ่ายไป ทั้งนี้ก็โดยการตระหนักแล้วว่า "สัจธรรม" อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย
ด้วยเหตุนี้ความจำเป็นเร่งด่วนประการแรก "ต้อง" พา "มิตรสหายฝ่ายประชาธิปไตย" ฝ่าข้าม "วาทกรรม" เลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญให้ได้เสียก่อน จากนั้นจึงจูงประชาชนก้าวออกจากความมืดสู่แสงสว่าง
แบบวิธีในการรักษาอำนาจการปกครองที่เผด็จอำนาจแฝงวาทกรรมประชาธิปไตย นั่นคือ ฝ่ายปฏิกิริยาจะทอดเวลาระบอบเผด็จอำนาจ ไม่ว่าจะในรูปเบ็ดเสร็จเช่นยุคหลังรัฐประหาร 2500-2501 หรือซ่อนรูปเช่นที่เห็นชัดเจนหลังรัฐประการ 2549-2553 ไประยะหนึ่ง อย่างที่เคยทำมาแล้วช่วง 2517-2516; 2519-2522; 2549-2550 ให้ประชาชน "หิว" การเลือกตั้งจอมปลอมโดย "รัด-ทำ-มะ-นูน" เผด็จการ จากนั้นก็ปล่อยให้วังวนอุบาทว์ของนักเลือกตั้ง/นักการเมืองสามานย์ สร้างความเลวร้ายอีกครั้ง ตามมาด้วยการ "ฆาตกรรมรัฐ" อีกหน
ประชาชนมีทางเลือกด้วยการ 1.โค่นระบอบเผด็จการ 2.สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ 3.สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน
เรา - ประชาชนไทยผู้รักในเสรีภาพ ความเสมอภาค และประชาธิปไตย จำเป็นต่องศึกษาทุกแนวคิดของระบอบประชาธิปไตย ให้หนักแน่นลึกซึ้งอย่างแท้จริง เพื่อที่จะเข้าใจได้อย่างถ่องแท้ว่า "เราต้องทำอะไร" และ "ทำอย่างไร" ... เราเสียเวลากับ "ตาบอดคลำช้าง" "ลองผิดลองถูก" มามากเกินไปเสียแล้ว; จุดสำคัญคือ ฝ่ายประชาธิปไตยต้องสร้างเอกภาพในการทำความเข้าใจ "จุดมุ่งหมายที่แจ่มชัดร่วมกัน" และ "ทิศทางที่ถูกต้องสอดคล้องกับความเป็นจริง" ให้ได้ในเวลาไม่ช้านี้
แต่การสร้างประชาธิปไตย ไม่ใช่การ "แก้แค้น" หรือ "เอาคืน" นั่นหมายความว่า การเปลี่ยนผ่านจะไม่อาจดำเนินไปบนความเกลียดชัง ถึงที่สุดแล้ว การเปลี่ยนผ่านต้องมาถึงอย่างแน่นอน ไม่มีพลังอำนาจที่ปฏิกิริยาใดจะทัดทานได้ แต่ถ้าคิดและดำเนินการผิดพลาด ความเสียหายจะมาก และเวลาจะทอดยาวนานออกไป
ฝ่ายปฏิกีริยาหรือฝ่ายปฏิปักษ์ประชาธิปไตย ประกอบด้วย 3 กลุ่ม 1.อำมาตย์ (ผู้ปกครองในระบบราชการระดับสูงที่สั่งสมและสืบทอดจารีการใช้อำนาจที่ไม่เป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนส่วนใหญ่) 2.อภิชน (คนที่มีและใช้สิทธิเหนือคนธรรมดาสามัญเพื่อผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มตน) 3.ขุนศึกฟาสซิสต์ (ทหาร/ตำรวจและ/หรือกองกำลังติดอาวุธอื่นๆของรัฐที่อยู่ในตำแหน่งผู้บังคับบัญชากองกำลังระดับสูง)
ฝ่ายประชาธิปไตยมีภารหน้าที่ชี้ให้ประชาชนส่วนข้างมากเข้าใจได้ว่า "พลังปฏิกิริยา" นี้เอง คือตัวการขัดขวางความเจริญก้าวหน้า บนพื้นฐานที่ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพ และความเสมอภาคภายใต้กติกาอย่างเดียวกัน ซึ่งทำให้ประเทศไม่พัฒนาอย่างมีอารยะ และประชาชนไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้สมศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์โดยพื้นฐาน
ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่หยุดตัวเองไม่ได้ ทั้งที่เงื่อนไขบอกว่าถึงเวลา "หยุด" จะด้วยเงื่อนไขอะไรก็ตาม; พลังอื่นๆ ที่ตระหนักถึงความจำเป็น หรือยิ่งไปกว่านั้น "ความจำต้องเป็น" จะเป็นผู้ "หยุด" เสียเอง; ความรุนแรงและความร้ายแรงอยู่ที่ความพยายาม "ฝืน" และ "ขัดขืน";
นี้คือสัจธรรมในประวัติศาสตร์
โค่นระบอบเผด็จการ สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน
เสรีภาพ เสมอภาค ภารดรภาพ หรือโซ่ตรวน
ประชาธิปไตยจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ
ด้วยภราดรภาพ