Article  :  Political   :  Forum  :  Facebook  :  Youtube

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

กบฏไพร่ กบฏชาวนาในสยาม-ไทย (21)

จุดจบกบฏเงี้ยวเมืองแพร่
กบฏชาวนาหาญสู้ทหารหลวง

กองกำลังตำรวจรัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์สยามที่ยกไปปราบกบฎเงี้ยว

กบฏเงี้ยวที่แบ่งกำลังไปทางตะวันตกเพื่อยกไปตีนครลำปาง เข้าล้อมตีเมืองในวันที่ 4 สิงหาคม โดยที่ขุนนางข้าราชการที่เป็นคนภาคกลางต่างพาครอบครัวอพยพออกจากตัวเมืองไปหมดสิ้น เพราะทราบดีว่าพวกกบฏเงี้ยวต้องการจะสังหารข้าราชการจากส่วนกลางเท่านั้น ปรากฏว่าฝ่ายกบฏต้องประสบกับการรุกรบที่มีการตระเตรียมไว้อย่างพร้อมสรรพ ประกอบกับมีทหารหลวงและทหารท้องถิ่นที่ติดอาวุธสมัยใหม่และผ่านการฝึกมาเป็นอย่างดี จึงเป็นฝ่ายมีเปรียบกองกำลังฝ่ายกบฏทุกด้าน ผลก็คือ กบฏเงี้ยวไม่สามารถตีหักเข้าเมืองนครลำปางได้ กองกำลังแตกพ่ายหนีกระจัดกระจายกันไป ที่สำคัญ ตัวผู้นำคือ พะกาหม่อง เสียชีวิตจากกระสุนปืนระหว่างการต่อสู้

นอกจากนั้นในการสู้รบที่สมรภูมินครลำปางนั้น นายร้อยเอก เอช.มาร์ค เยนเซ่น ชาวเดนมาร์ค ครูฝึกตำรวจในเมืองแพร่ ทราบข่าวการก่อกบฏเงี้ยว จึงนำนายตำรวจยศร้อยโทและพลตำรวจอีก 54 นายเดินทางจากเชียงใหม่ไปถึงลำปาง นายร้อยเอกเยนเซ่นเข้าอาสาบัญชาการรบ สังหารพวกเงี้ยวล้มตายเป็นจำนวนมาก

สำหรับวีรกรรมของนายร้อยเอก เยนเซ่น นั้น พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงตั้งพระทัยที่จะพระราชทานยศนายพันตรีและเครื่องราชอิสริยาภรณ์มงกุฏไทย ชั้นที่ 3 และเงินรางวัลอีกจำนวน 1 หมื่นบาท แต่เป็นที่น่าเสียใจเมื่อนายร้อยเอกเยนเซ่นถูกพวกกบฏเงี้ยวลอบสังหารเสียชีวิตที่เมืองพะเยาไปเสียก่อน แต่อย่างไรก็ตาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ก็พระราชทานเบี้ยหวัดเป็นรางวัลความดีความชอบครั้งนี้ แก่มารดาของนายร้อยเอกเยนเซ่น ซึ่งอยู่ที่ประเทศเดนมาร์ค ปีละ 3,000 บาท ตลอดชีวิต

ส่วนกองกำลังกบฏเงี้ยวส่วนที่ยกไปทางใต้ที่นำโดยสะลาโปไชยนั้น ในระยะแรกสามารถสกัดทัพเมืองพิชัย จากอุตรดิตถ์ไว้ได้ชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถต้านทานทัพเมืองสวรรคโลกและสุโขทัยที่ยกมาหนุนช่วยได้ จึงถอยกลับไปตั้งหลักที่เมืองแพร่ตั้งแต่วันที่ 11 สิงหาคม แต่ในที่สุดก็หนีกระจัดกระจายไป เพราะต่อสู้ไม่ไหว อีก 3 วันถัดมาคือในวันที่ 14สิงหาคม พระยาศรีสุริยราชวรานุวัตร (โพ เนติโพธิ์) ข้าหลวงฯ เมืองพิชัย นำกองกำลังตำรวจภูธรและทหารจำนวนหนึ่งบุกเข้าเมืองแพร่ได้สำเร็จ

วันที่ 20 สิงหาคม พลโท เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม แสงชูโต) นำทัพหลวงถึงเมืองแพร่ หลังจากเหตุการณ์สงบลง จึงเริ่มการสอบสวนความผิดผู้ เกี่ยวข้องในการลุกขึ้นสู้ก่อกบฏทันที

ขั้นแรก ได้สั่งจับชาวเมืองแพร่ ราษฎรบ้านร่องกาด คือ หนานวงค์ ที่หวังเงินรางวัลนำจับพระยาไชยบูรณ์มาประหารชีวิตเป็นเยี่ยงอย่างก่อน

ขั้นที่สอง สั่งให้จับตัว พญายอด ผู้นำจับหลวงวิมลมาประหารชีวิตอีกคนหนึ่ง

จากนั้นเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีได้สอบสวนพยานหลายคน โดยยึดถือตามแนวนโยบายที่กรมหลวงดำรงราชานุภาพทรงวางไว้ คือ ไม่ให้ตั้งข้อสงสัย หรือกล่าวหาเจ้าเมืองแพร่และเจ้านายบุตรหลานล่วงหน้า

แต่เมื่อสอบสวนพยานไปหลายปาก ก็พบหลักฐานต่างๆ ผูกมัดเจ้าเมืองแพร่และเจ้านายบุตรหลานบางคน โดยเฉพาะ เจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงคราม อย่างแน่นหนาว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจกับกบฎครั้งนี้ ดังคำให้การของพระยาเขื่อนขัณฑ์ อดีตนายแคว้น (กำนัน) เมืองสอง เป็นคนที่เจ้าเมืองแพร่ไว้วางใจ ได้กล่าวให้การไว้ตอนหนึ่งว่า "เจ้าแพร่พูดว่า เมืองแพร่ต่อไปจะเป็นของไทยนานเท่าใด จะต้องเป็นเมืองของเงี้ยว เจ้าแพร่จะคิดให้พะกาหม่อง สะลาโปไชย ซึ่งเป็นหัวหน้าเงี้ยวบ่อแก้วเข้ามาตีปล้นเมืองแพร่ พวกเงี้ยวจะจับคนไทยฆ่าเสียให้หมด แต่พะกาหม่องและสะลาโปไชยจะยกเข้าตีเมืองแพร่เมื่อใดยังไม่มีกำหนด

ถ้าจะให้พะกาหม่องและสะลาโปไชยยกเข้าตีเมืองแพร่วันใด จะได้มีหนังสือไปนัดพะกาหม่องและสะลาโปไชยทราบ เจ้าแพร่ได้สั่งข้าพเจ้าว่า เมื่อออกนอกราชการแล้ว อย่ามาเที่ยวเกะกะ วุ่นวายทำราชการกับไทย เมื่อเงี้ยวมันเข้าตีบางทีจะถูกปืนตายเสียเปล่า ผู้ที่ร่วมคิดให้เงี้ยวเข้าปล้นเมืองแพร่คราวนี้ เจ้าหลวงบอกข้าพเจ้าว่า พระยาราชบุตร พระไชยสงคราม เป็นผู้ร่วมคิดด้วย"

นอกจากนั้น ก่อนที่พวกโจรเงี้ยวเข้าปล้นเมืองแพร่ก็ได้ส่งข่าวมาบอกเจ้าเมืองแพร่ไว้แล้ว ดังคำให้การของหลวงจิตรจำนงค์ เจ้าของสัมปทานป่าไม้มีความว่า "พระไชยสงครามไปที่บ้านข้าพเจ้าว่า วันที่ 24 กรกฎาคม เวลากลางคืนประมาณ 3 ทุ่มเศษ พวกเงี้ยวมีหนังสือมาบอกเจ้าแพร่ว่าถ้าในกลางคืนนี้ไม่ทัน ก็จะยกเข้าปล้นเวลาเช้ามืด"

เจ้าเมืองแพร่รู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจึงได้ป้องกันภัยแก่ญาติและคนสนิท ดังนายส่างกราบ ผู้ ดูแลคุ้มหลวงได้ให้การไว้ตอนหนึ่งว่า "ครั้นข้าพเจ้าเข้านอนเฝ้าคุ้มหลวงได้ 6 คืน เจ้าหลวงก็บอกข้าพเจ้าว่า พวกเงี้ยวจะพากันเข้ามาปล้นเมืองแพร่วันพรุ่งนี้รู้หรือเปล่า ข้าพเจ้าก็บอกว่าไม่รู้ เจ้าหลวงจึงบอกข้าพเจ้าไปเอาปืน 12 นัดที่บ้านพระไชยสงครามมาป้องกันตัวไว้ 1 กระบอก”

และในวันที่ 24 กรกฎาคม เจ้าเมืองแพร่ก็ได้เรียกตัว เจ้าพลอยแก้ว หลานสาว ซึ่งไปคลุกคลีอยู่ในจวนข้าหลวงกับคุณหญิงเยื้อน ภริยาของพระยาไชยบูรณ์ให้กลับคุ้มด่วน เพราะเกรงอันตรายจากพวกเงี้ยวจะเกิดแก่เจ้าพลอยแก้ว

นอกจากนั้น เมื่อกองโจรเงี้ยวบุกโจมตีและเข้ายึดเมืองแพร่ได้สำเร็จ เจ้าเมืองแพร่ได้แสดงตัวเป็นผู้สนับสนุนโจรเงี้ยวอย่างเด่นชัด โดยเกณฑ์ข้าวสารชาวบ้านหลังคาละ 2 ทะนาน อาวุธปืน กระสุนดินดำ เงิน และกองกำลัง จำนวน 50 คน ส่งไปช่วยพะกาหม่องต่อสู้กับฝ่ายรัฐบาล

จากหลักฐานต่างๆ ที่กล่าวมาทำให้เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเข้าใจว่า เจ้าเมืองแพร่ เจ้าราชบุตร เจ้าไชยสงคราม มีส่วนสนับสนุนให้กองโจรเงี้ยวก่อการกบฏขึ้นอย่างแน่นอน และเชื่อว่าต้องมีการตระเตรียมการล่วงหน้ามาช้านานพอสมควร

ทว่าก่อนที่เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีจะได้ชำระความผิดผู้ใด เจ้าราชบุตรและภริยาก็ตกใจกลัวความผิดดื่มยาพิษฆ่าตัวตายเสียก่อน เพราะได้ข่าวลือว่ารัฐบาลจะประหารชีวิตผู้เกี่ยวข้องกับกบฏเงี้ยวทุกคน

เมื่อเกิดอัตวินิบาตกรรมขึ้นเช่นนี้ เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรีเกรงว่าจะเป็นการสร้างความ เข้าใจผิดกันว่ารัฐบาลสมบูรณาญาสิทธิราชย์กระทำการรุนแรงต่อเจ้านายเมืองแพร่ อีกทั้งการจะสืบหาพยานต่อไปอีกหลักฐานก็จะยิ่งผูกมัดเจ้าเมืองแพร่และเจ้านายบุตรหลานที่เกี่ยวข้องยิ่งขึ้น จนในที่สุดจะต้องถูกตัดสินประหารชีวิตในข้อหากบฏอย่างแน่นอน ย่อมจะเป็นการกระทบกระเทือนใจเจ้านายฝ่ายเมืองเหนือทุกเมือง เพราะต่างเกี่ยวพันฉันญาติผู้สืบสายราชวงศ์เจ้าเจ็ดตนด้วยกัน ทั้งยังสร้างความสะเทือนใจแก่ราษฎรในลานนาไทยทั้งหมดด้วย

ดังนั้นเจ้าพระยาสุรศักศ์มนตรี จึงดำเนินการตามนโยบายจากส่วนกลาง โดยผ่อนปรนต่อเจ้านายเมืองแพร่ ขณะเดียวกันก็พยายามไม่ให้เจ้านายเมืองแพร่เกิดความตระหนกจนหนีเข้าพึ่งอิทธิพลรัฐบาลอาณานิคมอังกฤษในดินแดนฝั่งตะวันตกของสยาม กระทั่งอาจจะลุกลามกลายเป็นปัญหาหรือข้ออ้างในการเคลื่อนไหวทางทหารเช่นที่เกิดกับดินแดนฝั่งตะวันออกของสยามกับเจ้าอาณานิคมฝรั่งเศสมาก่อนหน้านั้นจนเกิดกรณีเสียดินแดนแล้วหลายครั้งหลายครา.


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 5-11 มกราคม 2556
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน
ร่วมสนับสนุนการเขียนและเผยแพร่ความคิด และกิจกรรมได้โดยโอนเงินไปที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน
ชื่อบัญชี วัฒนา สุขวัจน์
บัญชีเลขที่ 986-2-87758-8