Article  :  Political   :  Forum  :  Facebook  :  Youtube

วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

การต่อสู้แบบสันติ อหิงสา: วาทกรรมว่างเปล่าในสังคมไทย? (27)

บ่ายวันที่ 19 พฤษภาคม การประกาศยอมจำนนของแกนนำ

ความจริงใจของฝ่ายรัฐบาลต่อความพยายามยุติการเผชิญหน้ากันโดยสันติเริ่มเผยธาตุแท้ หลังจากกลุ่มสมาชิกวุฒิสภากลับจากที่ชุมนุมบริเวณเวทีราชประสงค์ ในท่ามกลางความสับสนว่าสถานการณ์จะคลี่คลายไปโดยปราศจากความรุนแรงตามที่มีการเจรจากันหรือไม่

ทว่าขณะเดียวกัน ทางฝ่ายรัฐบาลที่มีศูนย์การบัญชาการโดย ศอฉ. กลับเริ่มดำเนินการทางการทหารโดยไม่ใส่ใจผลการเจรจาของฝ่ายมวลชนและกลุ่มตัวแทนสมาชิกวุฒิสภา โดยเริ่มจากในเวลา 00.10 น. หน่วยทหารเคลื่อนเข้าตรึงกำลังวางชุดแม่นปืนตามเส้นทางถนนจุฬาฯ 12 ซึ่งเป็นเส้นทางลัดเข้าแยกราชประสงค์บีบพื้นที่ถนนอังรีดูนังต์ขยับใกล้ พื้นที่การชุมนุม บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเย็นถึงค่ำทหารได้นำกำลังเข้าตรึงพื้นที่ในถนนจุฬาฯ 12 มากขึ้น และตั้งด่านตรวจค้นรถทุกคันที่วิ่งผ่านเข้าออกและมีการนำกระสอบทรายตั้งเป็นแนวบังเกอร์ ที่ปากทางเข้าถนนจุฬาฯ 12 ตัดถนนบรรทัดทองพร้อมวางชุดแม่นปืนประจำจุดประทับปืนติดกล้องหันหน้าออกไป ทางถนนพระราม 4

เวลา 03.00 น. รถสายพานหุ้มเกราะติกอาวุธหนักเคลื่อนเข้าประจำจุดแยกศาลาแดง-สารสิน ที่ส่อเจตนามากไปกว่าการสร้างความกดดันต่อผู้ชุมนุมตามปกติ

และแล้วในเวลา 05.00 น. ทหารรุกเปิดฉากปฏิบัติการคืบบีบพื้นที่เริ่มยุทธการสลายการชุมนุม และถัดมาอีกเพียง 30 นาที มีรายงานข่าวทั้งจากผู้สื่อข่าวหลายสำนักโดยเฉพาะผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และการสื่อสารทางโทรศัพท์มือถือจากผู้ชุมนุมในวงล้อมของฝ่ายรัฐบาล ว่า มีเสียงปืนเป็นชุดๆต่อเนื่องบริเวณแยกศาลาแดงถึงแยกสารสิน

07.00 น. โดยที่รัฐบาลเมินการเจรจาตั้งแต่ช่วงคืนวันที่ 18 และใช้นโยบายแข็งกร้าว ยืนยันให้ฝ่าย นปช. ยุติการชุมนุมก่อนจึงจะเจรจา กองกำลังทหารพร้อมรถสายพานลำเลียงหุ้มเกราะเคลื่อนบีบเข้าใกล้เวทีราชประสงค์ พร้อมกับประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงให้สลายตัวภายใน 15 นาที นั่นเท่ากับเป็นคำสั่งประหารต่อผู้ชุมนุมที่ฝ่ายทหารในพื้นที่ได้รับ

08.00 น. ฝ่ายรัฐบาลสามารถใช้รถหุ้มเกราะและกำลังทหารราบทหารบุกรื้อสิ่งกีดขวางสวนลุมพินี ตามมาด้วยการพุ่งเข้าชนบังเกอร์ไม้ไผ่ฝั่งศาลาแดงที่ฝ่ายผู้ชุมนุมสร้างไว้ นับจากช่วงที่สถานการณ์บีบคั้นยิ่งขึ้น

แต่โดยที่มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงทั้งในด้านอุปกรณ์และอาวุธยุทธภัณฑ์สงครามที่มีอยู่ในฝ่ายรัฐบาลเพียงฝ่ายเดียว ในเวลา 08.15 น. กำลังทหารราบที่นำโดยยานยนต์หุ้มเกราะก็สามารถเข้ายึดพื้นที่หน้าสวนลุมพินี-ศาลาแดงเอาไว้ได้ โดยผลักดันกลุ่มผู้ชุมเสื้อแดงที่พยายามยืนยหยัดต่อต้านการโจมตี โดยอาศัยสิ่งเทียมอาวุธเช่นพลุและตะไลเพลิงหรือแม้แต่ประทัดยักษ์ จนแนวรับของคนเสื้อแดงถอยร่นเข้าไปทางราชประสงค์และเริ่มขยับไปทางแยกสยามสแควร์ โดยกำหนดให้ผู้หญิง เด็ก ผู้สูงอายุ และนักบวช ภิกษุสงฆ์ อพยพไปยังวัดปทุมวนาราม เนื่องจากเห็นว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ และเป็น "เขตอภัยทาน" ซึ่งน่าจะเป็นจุดลี้ภัยจากการกวาดล้างสังหารได้

08.20 น. นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี แถลงกร้าวในกรณีที่ประธานวุฒิสภาเป็นคนกลางเจรจาไม่มีประโยชน์แล้ว ให้แกนนำ นปช. ยุติชุมนุมโดยทันที แต่ท่าทีของผู้ชุมนุมเมื่อถึงตอนนี้ กลับประกาศสู้ตาย ซึ่งในที่สุดคงยากจะหลีกเลี่ยงความสูญเสียในฝ่ายประชาชนที่มีเพียงมือเปล่า และอาวุธตามมีตามเกิดที่ไม่อาจถือได้ว่าเป็นอาวุธด้วยซ้ำไป

และในเวลาประมาณ 08.50 น. ทหารสามารถใช้รถสายพานลำเลียงหุ้มเกราะฝ่าเข้าไปจากด่านศาลาแดง จนยึดพื้นที่สวนลุมได้เป็นผลสำเร็จ

09.00 น. กำลังทหารรุกคืบหน้าเข้ามาในถนนราชดำริ ห่างจากหลังเวทีเพียง 500 เมตร มีการใช้อาวุธทหารราบ ไม่เฉพาะปืนลูกซองยิงใส่คนเสื้อแดง รวมทั้งมีหลัก ฐานจากคลิปวิดีโอ ที่ฝ่ายรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อแนวทางปรองดองแห่งชาติ (คอป.) มีนายคณิต ณ นคร เป็นประธาน ไม่ยอมรับให้เป็นหลักฐานที่เป็นทางการ ว่ามีหน่วยซุ่มยิงไปซุ่มอยู่บนเส้นทางและสถานีรถไฟฟ้า นอกจากนั้น ผู้สื่อข่าวจากโทรทัศน์ บีบีซี (ประเทศอังกฤษ) รายงานว่า ทหารยิงปืนและใช้ระเบิดแก๊สน้ำตาเพื่อสลายผู้ชุมนุม ขณะที่ฝ่ายผู้ชุมนุมเผายางทำให้เกิดควันดำตลบไปทั่วบริเวณ ในชั้นต้นมีรายงานผู้บาดเจ็บแล้วอย่างน้อย 5 ราย

11.10 น. ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่สามารถยึดพื้นที่โดยรอบของสวนลุมพินีไว้ได้ จากการเข้าตรวจที่เกิดเหตุโดยรอบ ได้พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย อยู่ที่ด้านหลังแนวบังเกอร์ ในสภาพที่ถูกยิงเข้าบริเวณศรีษะ รายแรก สวมชุดดำ รายที่สองไม่สวมเสื้อ ทั้งนี้ ศพของบุคคลทั้งสองถูกพบที่ถนนราชดำริ คาดว่าเป็นการ์ด นปช.หลังแนวรั้วกั้นที่เจ้าหน้าที่ทหารได้ทะลวงเข้ามาสำเร็จแล้ว อยู่ตรงกันข้ามกับตึก สก. โรงพยาบาลจุฬาฯ

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และแกนนำขึ้นประกาศบนเวทีให้ผู้ชุมนุมที่สมัครใจออกไปยังพื้นที่ชุมนุมเพราะไม่ต้องการให้ผู้ชุมนุมเป็นโล่มนุษย์เหมือนรัฐบาลกล่าวหา ส่วนแกนนำจะลงไปนั่งนิ่งๆ รอการจับกุม ส่วนใครจะสู้ต่อ จะพยายามให้ความปลอดภัย แต่สถานการณ์โดยรอบพื้นที่การชุมนุมที่แทบจะตกอยู่ในวงล้อมของกำลังทหารติดอาวุธเต็มอัตราศึก มีรายงานยอดผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอาวุธสงครามเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

จนถึงเวลา 13.20 น. มติแกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ตัดสินใจประกาศยุติการชุมนุม พร้อมทั้งยอมเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยในเวลาดังกล่าว แกนนำ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน คนสำคัญคือ นายจตุพร พรหมพันธุ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย ฯลฯ พากันขึ้นบนเวทีแยกราชประสงค์

สำหรับแกนนำที่เข้ามอบตัวกับตำรวจทันที ตามลำดับประกอบด้วย นายขวัญชัย ไพรพนา ตามด้วยนายจตุพร ซึ่งก้มลงกราบที่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภายใน สตช. และคนสุดท้าย คือนายณัฐวุฒิ โดยก่อนเข้ามอบตัว นายณัฐวุฒิ กล่าวผ่านเครื่องขยายเสียง หน้า สตช. อีกครั้งว่า "ขอให้พี่น้องเสื้อแดงเดินทางกลับบ้าน ส่วนจุดยืนยังเหมือนเดิม ไม่ต้องห่วงว่าแกนนำทุกคนจะสูญสิ้นอิสรภาพ เนื่องจากความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เป็นความผิดเพียงเล็กน้อย ขอให้วางใจ ถ้าเสร็จภารกิจนี้ และได้รับความไว้วางใจจากมวลชนเหมือนเดิม จะกลับมาเป็นแกนนำเหมือนเดิม แต่ถ้ามวลชนไม่ไว้ใจอีกแล้ว ก็จะกลับมาเป็นคนเสื้อแดง ที่ออกมาเรียกร้องประชาธิปไตยเหมือนเดิม"


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข วันที่ 23-29 กรกฎาคม 2554
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง  ผู้เขียน อริน
ร่วมสนับสนุนการเขียนและเผยแพร่ความคิด และกิจกรรมได้โดยโอนเงินไปที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน
ชื่อบัญชี วัฒนา สุขวัจน์
บัญชีเลขที่ 986-2-87758-8