อย่าให้พลังประชาธิปไตยเป็นเพียงทรายร่วน
อย่าให้พลังประชาธิปไตยเป็นเพียงทรายร่วน ที่ออกแรงกำไว้ในมือก็จะไหลออกตามซอกนิ้วจนหมดสิ้น เรา...ประชาชนผู้รักเสรีภาพ รักประชาธิปไตย ต้องประสานตัวเองให้เป็นประดุจดินเหนียว ที่อาจปั้นขึ้นรูปเป็นอย่างใดก็ได้ตามความคิดชี้นำที่ถูกต้อง
เวลานี้ ขบวนประชาธิปไตยต้องการความเข้าใจ ความทุ่มเท และความตั้งใจแน่วแน่ มากกว่าครั้งไหนๆในประวัติศาสตร์ อาการน้ำขุ่นที่เป็นมานับจากการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 กำลังได้รับการกวนซ้ำด้วยสารส้ม และน้ำกำลังจะตกตะกอน เมื่อน้ำใสเมื่อใด ทุกอย่างในน้ำจะกระจ่างชัด
ผมเสนอคำถามมาจากปลายปีที่แล้ว ว่า "1.เราเข้าใจประชาธิปไตยแค่ไหน/อย่างไร" จากนั้น "2.เรามีรูปแบบประชาธิปไตยสำหรับสังคมไทยเสนอต่อสาธารณะแล้วหรือไม่"
ถ้าเราสามารถสร้างเอกภาพความเข้าใจร่วมกันบนพื้นฐานสร้างชาติไทยใหม่ที่เป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ คำถามที่ 3 และ 4 จึงจะตามมา นั่นคือ "What is to be done?" และ "Where to begin?"
ถ้าเราไม่เคลื่อนไหวให้เข้าเป้า ตรงประเด็น เราก็จะเท่ากับเดินวนเวียนอยู่ใน "เขาวงกตแห่งการหมกเม็ดเผด็จอำนาจ" ปัญหาพื้นฐานที่เป็นใจกลางของปัญหาทั้งปวงก็จะไม่ได้รับการแก้ไข ประชาธิปไตยก็จะกร่อนความหมายลงตามที่ฝ่ายปฏิกิริยา/ปฏิปักษ์ประชาธิปไตย ต้องการ คือ ประชาชนหมกมุ่นอยู่แค่ "แนวทางรัฐธรรมนูญนิยม" และ "การเลือกตั้งสามานย์" ที่ไม่เป็นและไม่อยู่ในเงื่อนไขประชาธิปไตย
ในรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับของประเทศนี้ มีที่ใกล้เคียงกับความเป็น "ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" ตามนัยของนายปรีดี พนมยงค์ ก็มาสิ้นสุดลงแค่รัฐธรรมนูญ 9 พฤษภาคม 2489 ซึ่งมีโอกาสใช้เพียง 18 เดือน ก็ถูกรัฐประหารที่นำโดย พลโทผิน ชุณหะวัน
นับจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉะบับชั่วคราว) ลงวันที่ 9 พฤศจิกายน 2490 เป็นต้นมา เป็นรัฐธรรมนูญ "อำมาตย์/อภิชน" ทุกฉบับ: มีเหตุผลสำคัญ 2 ประการ 1.ผู้แทนปวงชนไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนทั้งหมด และ/หรือ 2.มีบทบัญญัติว่าด้วยอำนาจหน้าที่ขององค์กรนอกอธิปไตยทั้ง 3 ตราไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "องคมนตรี" ซึ่งในพระราชบัญญัติธรรมนูญการปกครองชั่วคราว 27 มิถุนายน 2475; รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรสยาม 10 ธันวาคม 2475 และ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 9 พฤษภาคม 2489 ไม่มี "องคมนตรี" (ดู "รัฐธรรมนูญที่ปราศจากองคมนตรี :ว่าด้วยผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์"[/b] http://arin-article.blogspot.com/2010/06/blog-post_08.html
ใจกลางของปัญหาในเวลานี้ คือ
1.พี่น้องเสื้อแดงต้องเร่งทำความเป็นเอกภาพใน "ประชาธิปไตย"
2.ขบวนประชาธิปไตยนำองค์ความรู้ในประการแรกไปสู่พี่น้องประชาชน "ฝ่ายกลาง" เพื่อโดดเดี่ยวกลุ่ม "ปฏิกิริยา"
3.นั่นคือ ไม่เพียงเราต้องรู้จัก "ตัวเอง" อย่างถ่องแท้แล้ว เรายังต้องรู้ด้วยว่า "ใคร" คือเพื่อนพ้องที่สามารถรับฟังความเห็นและต้อนรับแนวคิดของเรา
4.ตระหนักและเลิกหวังพึ่ง "พลังภายนอก" ซึ่งในที่นี้ คือหวังว่าจะมีอำนาจอื่นใดนอกเหนือพลังประชาชน ที่จะนำพาภารกิจสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไปสู่ความสำเร็จ
จะออกจากเขาวงกตแห่งการเผด็จอำนาจการปกครองไว้ในมือคนส่วนน้อยได้อย่างไร?:
1.เลิกพายเรือในอ่างกับ "แนวทางรัฐธรรมนูญนิยม" และ "การเลือกตั้งภายใต้กติกาที่ไม่เป็นประชาธิปไตย"
2.หยุด "การซุกขยะใต้พรม" ในความขัดแย้งทางการเมือง ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ด้วยการชำระประวัติศาสตร์ฝ่ายประชาชนอย่างแท้จริง
3.สร้าง "สำนึกประชาธิปไตย" เพื่อนำไปสู่ความเข้าใจและจุดยืน "โค่นล้มระบอบเผด็จการ สร้างประชาธิปไตยสมบูรณ์ สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน"
ปมเงื่อนสำคัญที่จะจูงขบวนประชาธิปไตยออกจากเงามืด สู่แสงสว่างคือ การตระหนักว่า นับจากการรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 ประเทศนี้ไม่เคยมีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย "แม้แต่ฉบับเดียว"
และจากวันนั้นถึงวันนี้ อำนาจรัฐที่แท้จริงอยู่ในเงื้อมเงาของกลุ่ม "อำมาตย์/อภิชน/ขุนศึกฟาสซิสต์" มาโดยตลอด ในสัดส่วนมากน้อยแตกต่างกันไปตามเงื่อนไขของแต่ละช่วงเวลา หรือกล่างอย่างถึงที่สุดและตรงไปตรงมา คือ 63 ปีมานี้ ประเทศนี้ไม่เคยปกครองในระบอบประชาธิปไตย
นั่นย่อมหมายความว่า ภารกิจสำคัญของขบวนประชาธิปไตยย่อมหนีไม่พ้น การต้องตอบโจทย์ประชาธิปไตยนี่ให้แตกในเวลาอันรวดเร็ว.
หมายเหตุ: สรุปทัศนะจากเนื้อหาการเสวนา "เปิดแนวคิดทิศทางประเทศไทย" จัดโดยกลุ่มแดงอิสระ ในวันที่ 25 กันยายน 2553 ที่ตลาดน้ำสุวินทวงศ์ คลองหลวงแพ่ง ฉะเชิงเทรา