ประชาชนสร้างพรรค พรรคสร้างชาติ
ถึงเวลาแล้วที่การเมืองแบบ 2 ขั้วอำนาจแย่งกันบริหารงบประมาณจะต้องยุติลง ประชาชนต้องสร้างการเมืองจากระดับถนน-ตรอก-ซอก-ซอย หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด ภาค และระดับชาติ ที่ผู้ทนหน่วยพรรคขึ้นไปเลือกตัวแทนพรรคเข้าไปทำหน้าที่ "ฝ่ายนิติบัญญัติ"; ในขณะที่ผู้แทนหน่วยพรรค เลือกตัวแทนไปชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี; ทั้ง 2 ประการ จะทำให้อำนาจอธิปไตย 2 อำนาจ คือ ฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติ แยกจากกันและสามารถตรวจสอบและคานอำนาจกันได้; ในเวลาเดียวกัน อำนาจตุลาการก็ผ่านการเสนอโดยฝ่ายบริหารและตรวจสอบรับรองโดยฝ่ายนิติบัญญัติ ทำให้อำนาจตุลาการ "ยึดโยง" กับประชาชนเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
สร้าง หน่วยพรรคพื้นฐานจากอุดมการณ์ที่ชัดเจนก่อน แล้วตั้งสาขาพรรคประจำตำบล ระดับอำเภออำเภอ สู่ระดับจังหวัด และระดับชาติ; พรรคการเมืองเช่นนี้จะเข้มแข็ง ไม่อาจทำลายได้
เรา "ต้อง" มีระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์เสียก่อน จึงจะมีรัฐธรรมนูญของประชาชนได้ จะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้ ก็ต้องสร้าง "สำนึกประชาธิปไตย" ในหมู่ประชาชน ไม่ต้องมากครับ แค่ 51% ของจำนวนผู้มีสิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งครับ และที่สำคัญ "ต้อง" ทำลาย "ลัทธิรัฐธรรมนูญนิยม" และ "การเลือกตั้ง" ใต้กติกา "เผด็จอำนาจ" ลงไปให้ได้ ไม่อย่างนั้น "วงจรอุบาทว์" ทางการเมือง ตั้งแต่การรัฐประหาร 8 พฤศจิกายน 2490 ก็จะไม่หมดไปจากสังคมไทย ที่สำคัญ "ยุติ" งานชุมนุม "ตบมือ/ร้องเพลง/จัดคอนเสิร์ตกินโต๊ะจีน" ได้แล้ว ใช้เวลาและทรัพยากรที่มีทั้งหมด "จัดตั้งแนวทางการเมือง" และ "การให้การศึกษาทางประชาธิปไตย" ที่ลงลึกกว่าที่เป็นอยู่ และแพร่ขยายให้กว้างไกลตามสภาวการณ์ที่ประชาชนตื่นตัวกันในขอบเขตทั่วประเทศอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
และถึงเวลาแล้วอีกเช่นกัน ที่ฝ่ายประชาธิปไตย ไม่ได้ต้องการมี "ผู้นำ" ที่ต้องการแค่ "ชนะเลือกตั้ง" เข้าไปบริหาร "งบประมาณแผ่นดิน" อีกทั้งไม่เคยบอกประชาชนว่า "ประชาธิปไตย" มีหลักการอย่างไร เราจะสร้างประชาธิปไตยสำหรับประเทศเราด้วยรูปแบบไหน แล้วถึงมาร่วมกันคิดว่า "เราจะทำอย่างไรจึงจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แท้จริง"
พลเมือง อเมริกันรุ่นบุกเบิกสร้างประเทศ รู้ว่าสู้เพื่ออะไร... จึงได้ชัยชนะในที่สุด และใช้เวลาหลายปีเหลือเกินด้วย ตายกันทั้ง 2 ฝ่ายเป็นจำนวนมหาศาลทีเดียว ใน "สงครามประกาศอิสรภาพอเมริกัน" (American Revolutionary War หรือ American War of Independence; ค.ศ. 1775-1783)
ข้อสรุปเบื้องต้นคือ ประชาชนของเราขาดความรู้ความเข้าใจในระบบการเมืองการปกครอง; ส่วนระบบการศึกษาก็ทำได้แค่ให้คนสอบผ่านใบรับรองวุฒิ เพราะแม้แต่นักวิชาการเอง ยังขาดความรู้ความเข้าใจในปรัชญาประชาธิปไตยที่มีปรัชญามนุษยนิยมเป็นพื้น ฐาน ทั้งนี้เพราะจารีตและขนบทางศาสนธรรมของเราเป็น "เทวนิยม"
ฝ่ายประชาชนต้องเร่งสร้าง "นักคิด" เพื่อลุกขึ้นท้าทายระบบคิดของอำมาตย์/อภิชนให้ได้โดยเร็วและมีความหนักแน่นเป็นปึกแผ่นพอ ที่จะรับการ "โจมตี" ทางปรัชญาได้ทุกรูปแบบ
จากนี้ำไปท่าทีชนิดหนึ่งที่ฝ่ายประชาธิปไตยควรทบทวนและตระหนักเพื่อเร่งสร้างในระดับจิดสำนึก คือ "การสันทัดในการฟัง" ซึ่งในเวลานี้ จะเจาะจงลงไปด้วยซ้ำว่า คือ "การสันทัดในการรับฟังความเห็นที่แตกต่าง"
ผมขอย้ำในที่นี้ซ้ำอีกครั้งเช่นกัน ว่า "ประชาธิปไตยไม่อาจสร้างได้ด้วยความเกลียดชัง ความอาฆาตมาดร้าย ความกระเหี้ยนกระหือกระหายเลือด" สิ่งเหล่านั้น จะสร้างได้ก็เพียง "ระบอบทรราชย์(ใหม่)" ขึ้นมาเท่านั้นเอง
สำหรับในสถานการณ์เบื้องหน้า ท่าทีต่อการเลือกตั้งที่อาจมีขึ้นเมื่อฝ่ายปฏิกิริยาเห็นช่องทางที่ได้เปรียบ ขอเสนอจุดยืนที่ให้ "ประชาชนสร้างพรรค พรรคสร้างนโยบาย นโยบายสร้างชาติ".