Article  :  Political   :  Forum  :  Facebook  :  Youtube

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2561

กบฏไพร่ กบฏชาวนาในสยาม-ไทย (8)

การ "เลิกไพร่" และ "เลิกทาส":
การยุติระบอบศักดินาเด็ดขาด

ทาสในสมัยสมัยรัชกาลที่ 4 - 5

สมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จขึ้นครองราชย์นั้น สยามมีทาสเป็นจำนวนกว่าหนึ่งในสามของพลเมืองของประเทศ เพราะเหตุว่าการเกิด "(ลูก)ทาสในเรือนเบี้ย" เป็นทาสกันตลอดชีวิตสืบต่อกันเรื่อยมาไม่มีที่สิ้นสุด โดยลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาสก็ตกเป็นทาสอีกต่อๆกันเรื่อยไป ซึ่งตามกฎหมายโบราณที่สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ได้กำหนดว่าด้วยลักษณะทาสได้จัดประเภทของทาสไว้ 7 อย่าง คือ
  1. ทาสไถ่มาด้วยทรัพย์ หรือ "ทาสสินไถ่" หมายความว่าเป็นสถานภาพของบุคคลซึ่งเดิมเป็นทาสของคนอื่น แล้วผู้ใดผู้หนึ่งนำเงินไปไถ่ตามค่าตัวที่ได้กำหนดไว้ ทำให้ทาสเปลี่ยนมือหรือ "นายทาส" หรืออีกความหมายหนึ่งอธิบายว่า หมายถึงทาสที่ขายตัวเองหรือถูกผู้อื่นขายให้แก่นายเงินต้องทำงานจนกว่าจะหาเงินมาไถ่ค่าตัวได้ จึงจะหลุดพ้นเป็นไท
  2. "ทาสในเรือนเบี้ย" หมายถึงลูกที่เกิดจากพ่อแม่ที่เป็นทาส ย่อมเป็นทาสไปด้วย
  3. ทาสได้มาแต่ฝ่ายมารดาบิดา หมายความถึงทาสที่บุคคลได้รับมรดกจากมารดาบิดาของตน
  4. ทาสที่มีผู้ให้ หรือ "ทาสท่านให้" คือ ทาสที่เดิมเป็นของผู้หนึ่งแล้วถูกยกให้เป็นกรรมสิทธิ์ของอีกผู้หนึ่ง
  5. ทาสอันได้มาด้วยการช่วยกังวลธุระทุกข์แห่งคนอันต้องโทษทัณฑ์ หรือ "ทาสที่ช่วยมาจากทัณฑโทษ" คือ ผู้ที่ถูกต้องโทษต้องเสียค่าปรับแต่ไม่มีเงินให้ ต่อเมื่อมีนายเงินเอาเงินมาใช้แทนให้ ผู้ต้องโทษก็ต้องเป็นทาสของนายเงิน
  6. ทาสที่เลี้ยงไว้เมื่อเกิดทุพภิกขภัย หรือที่บัญญัติไว้เป็น "ทาสอันได้เลี้ยงไว้ในกาลเมื่อข้าวแพง" คือทาสที่เข้ามาสมัครใจยอมตัวเป็นทาสเนื่องจากสาเหตุข้าวยากหมากแพง ไม่มีจะกินต้องอาศัยมูลนายกิน ในที่สุดก็ต้องยอมเป็นทาสของมูลนายนั้น
  7. ทาสที่ได้มาจากการรบศึกชนะ หรือที่เรียกว่า "ทาสเชลย" หรือ "เชลยทาส" โดยทั่วไปจะเป็น "ทาสหลวง" ก่อน แล้วพระมหากษัตริย์จะได้พระราชทานแก่ขุนนางและเจ้านายที่มีความดีความชอบในการทำศึกสงคราม
กฎหมายที่ใช้กันอยู่ในเวลานั้น ตีราคาลูกทาสในเรือนเบี้ย ชาย 14 ตำลึง หญิง 12 ตำลึง แล้วไม่มีการลด ต้องเป็นทาสไปจนกระทั่ง ชายอายุ 40 หญิงอายุ 30 จึงมีการลดบ้าง แต่ข้อเท็จจริงคือการคำนวณการลดนี้ อายุทาสถึง 100 ปี ก็ยังมีค่าตัวอยู่ คือชาย 1 ตำลึง หญิง 3 บาท แปลว่า ผู้ที่เกิดในเรือนเบี้ย ถ้าไม่มีเงินมาไถ่ตัวเองแล้ว ก็ต้องเป็นทาสไปตลอดชีวิต

การดำรงอยู่ของ "ระบบทาส/ไพร่" ที่เคยเป็นรากฐานสำคัญของระบอบการปกครองและระบบการผลิตแบบ "ศักดินา" กลายเป็นตัวการขัดขวางพัฒนาการของสังคมสยามนับจากการเข้ามาของการขยายตัวลัทธิเจ้าอาณานิคม เพื่อขยายตลาดวัตถุดิบ ตลาดการผลิต และตลาดการค้าใหม่  ทั้งนี้มูลเหตุที่นำไปสู่ความจำเป็นของการเลิกทาสและไพร่ (ดังที่กล่าวไปแล้ว) พอสรุปได้ตือ
  1. เพื่อให้เกิดแรงงานอิสระ ที่สามารถเดินทางไปรับจ้างได้ทั่วราชอาณาจักร ไม่จำกัดจากการสังกัดมูลนาย
  2. เป็นผลดีต่อการเตรียมการปฏิรูประบบราชการแผ่นดิน จากระบอบจตุสดมภ์สู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ในรูปกระทรวง ทบวง กรม ซึ่งที่สำคัยคือการใช้คนในส่วนกลางเป็นพื้นฐาน (ในเวลาต่อมาจึงเกิด "โรงเรียนฝึกหัดข้าราชการ"; ดูบทความ "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" กับระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ ใน โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 11-17 กุมภาพันธ์ 2555)
  3. ราษฎรหันมาจงรักภักดีต่อองค์พระมหากษัตริย์และพระมหากษัตริย์มีพระราชอำนาจมากขึ้น และในที่สุดมีอำนาจสำเร็จเด็ดขาดเมื่อการปฏิรูประบบราชการแผ่นดินสำเร็จลง ทั้งทางการคลัง การทหาร และการปกครอง เป็นสำคัญ เกิดการเปลี่ยนผ่านระบอบการปกครอง
  4. เปลี่ยนระบอบการทหาร จากกระจายอยู่ในมือของเชื้อพระวงศ์และขุนนางอำมาตย์ (ไพร่สม) มาสู่ "ทหารของพระมหากษัตริย์ (ไพร่หลวง)" เกิดการเกณฑ์ทหารและจัดระบบกองทัพแบบใหม่ขึ้น
  5. เพื่อลดอิทธิพลและอำนาจของขุนนางลงและ "ยุติ" ระบอบจตุสดมภ์/ศักดินาสวามิภักดิ์ลงได้ในที่สุด
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 แห่งบรมราชจักรีวงศ์ มิได้ทรงดำเนินการเลิกทาสขาดลงไปคราวเดียว เพื่อลดการต่อต้านจากนายทาส ที่สำคัญคือนายทาสที่เป็นเชื้อพระวงศ์ ขุนนางอำมาตย์ ตลอดจนพ่อค้าซึ่งเป็นนายเงิน จึงทยอยประกาศพระราชบัญญัติสลับกับประกาศพระบรมราชโองการเป็นคราวๆไป จนถึงได้ออกพระราชบัญญัติทาสในที่สุด ซึ่งถ้าจะประมวลการดำเนินงานเป็นขั้นๆ ตามตัวบทกฎหมายก็จะเห็นได้ดังนี้

1. พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท จุลศักราช 1236 โสณสังวัจฉระ สาวนมาส ชุณหปักษ์ นวมีดีถีศุกรวาร (วันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2417) มีเนื้อหลักกำหนดให้ ทาส 7 ประเภท ดังกล่าวข้างต้น ที่เกิดตั้งแต่ปีมะโรงสัมฤทธิศก จ.ศ. 1230 (คือปี พ.ศ. 2411 อันเป็นปีเสวยราชย์) เป็นต้นไป เมื่อแรกเกิด ชายมีค่าตัว 8 ตำลึง หญิงมีค่าตัว 7 ตำลึง ให้ขึ้นค่าตัวจนถึงอายุ 8 ปี ต่อจากนั้นให้ลดลงตามระยะเดือน ปี อันตราไว้ในพระราชบัญญัติ จนถึงอายุ 21 ปี หมดค่าตัวและให้ขาดจากความเป็นทาสทั้งชายและหญิง; ถึงแม้ว่าบุคคลซึ่งเกิดตั้งแต่ พ.ศ.2411 เป็นต้นมานั้น จะได้รับการปลดปล่อยตามเงื่อนไขเวลาที่กล่าวมาแล้ว ต่อเมื่อถึง พ.ศ. 2431 เป็นต้นไปก็ตาม แต่ก็สามารถได้รับการไถ่ถอนให้พ้นจากความเป็นทาสได้ในราคาพิเศษซึ่งถูกกว่าทาสที่เกิดก่อน พ.ศ.2411; กำหนดว่าถ้าผู้ใดจะนำบุตรหลานของตนไปขายเป็นทาสซึ่งเกิดตั้งแต่ พ.ศ.2411 และมีอายุต่ำกว่า 15 ปีลงมาไปขายเป็นทาส จะต้องขายในอัตราซึ่งกำหนดไว้ในพิกัดกระเษียรอายุใหม่ในรัชกาลที่ 5; ห้ามผู้ที่เกิดใน พ.ศ.2411 หรือบิดามารดาของตนเองขายตนเป็นทาส โดยที่ตนเองและบิดามารดากล่าวเท็จว่ามิได้เกิดใน พ.ศ.2411 จะต้องถูกลงโทษด้วย; ห้ามมูลนายคิดค่าข้าว ค่าน้ำ กับเด็กชายหญิงที่ติดตามพ่อแม่ พี่น้อง ป้า น้า อา ของตนที่ขายตัวเป็นทาส จนกลายเป็นเจ้าหนี้ของเด็กและเอาเด็กเป็นทาสต่อไปด้วย

พระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท พ.ศ. 2417 นี้ มิได้ใช้บังคับในทุกมณฑล มีบางมณฑลมิได้บังคับใช้ คือ มณฑลตะวันตกเฉียงเหนือหรือมณฑลพายัพ มณฑลตะวันออกหรือมณฑลบูรพา มณฑลไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู เนื่องจากขณะนั้นมณฑลเหล่านี้ยังเป็นประเทศราชอยู่ จึงไม่นับรวมเข้ามาในพระราชอาณาเขตตามความหมายของพระราชบัญญัตินี้

2. พระบรมราชโองการหมายประกาศลูกทาส ประกาศ ณ วันพฤหัสบดี เดือน 10 แรม 13 ค่ำ ปีจอ ฉศก จุลศักราช 1236 (8 ตุลาคม พ.ศ. 2417) ให้สลักหลังสารกรมธรรม์ของทาสที่เกิดในปีมะโรงสัมฤทธิศก (พ.ศ. 2411) ตามที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัติพิกัดเกษียณอายุลูกทาสลูกไท โดยให้อำเภอ กำนันพร้อมกันกับตัวทาส สลักลังสารกรมธรรม์ไว้เป็นแผนกกับให้ระบุลูกทาสซึ่งติดมากับมารดาบิดาโดย ชัดเจน ถ้ามีผู้ไปติดต่อที่อำเภอห้ามเรียกเงินค่าตัว

3. พระบรมราชโองการประกาศเกษียณอายุลุกทาสลูกไท ประกาศ ณ วันอาทิตย์ เดือน 11 ขึ้น 8 ค่ำ ปีจอ จุลศักราช 1236 (18 ตุลาคม พ.ศ. 2417) บรรดาคนที่เป็นไทอยู่แล้ว หรือทาสที่หลุดพ้นค่าตัวไปแล้วต่อไปห้ามมิให้เป็นทาส บรรดาทาสที่มีอยู่ในเวลาออกพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ทาสที่หลบหนีให้เจ้าเงินลดค่าตัวให้คนละ 4 บาทต่อเดือน.


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 6-12 ตุลาคม 2555
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน
ร่วมสนับสนุนการเขียนและเผยแพร่ความคิด และกิจกรรมได้โดยโอนเงินไปที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน
ชื่อบัญชี วัฒนา สุขวัจน์
บัญชีเลขที่ 986-2-87758-8