Article  :  Political   :  Forum  :  Facebook  :  Youtube

วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

2475-2549 โปรดฟังอีกครั้ง (72)

"ไทยรักไทย" ผงาดพร้อม "ทักษิณ"
จุดเปลี่ยนทางการเมืองระบอบรัฐสภา


การเลือกตั้งทั่วไปสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 6 มกราคม 2544 เป็นการเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2540 ในระบบใหม่ ที่เรียกกันในแวดวงวิชาการทางรัฐศาสตร์หรือในทางการเมือง ว่าอยู่เงื่อนไข "รัฐธรรมนูญนิยม" หรือนัยหนึ่ง อาศัยรัฐธรรมนูญที่ร่างขึ้นให้เป็นประชาธิปไตย "มากที่สุด" มากำหนดรูปแบบการเมืองการปกครอง โดยที่การเลือกตั้งและสร้างความเข้มแข็งแก่พรรคการเมือง อันเป็นการปูทางไปสู่เจตนารมณ์สร้างการเมืองเข้มแข็งที่ประกอบด้วยพรรคการเมือง 2 พรรค หรือมีพรรคการเมืองใหญ่จำนวนน้อย แทนที่พรรคเล็กพรรคน้อย หรือ "พรรคต่ำสิบ" จำนวนมากที่ทำให้เสียงในสภาซึ่งมีผลต่อการสนับสนุนรัฐบาลหรือฝ่ายบริหารค่อนข้างไม่เป็นเอกภาพ ซึ่งแบ่งเป็นระบบบัญชีรายชื่อ 100 คน และแบบแบ่งเขตเลือกตั้งอีก 400 คน ภายใต้การกำกับดูแลและจัดการเลือกตั้งของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดที่ 1 (27 พฤศจิกายน 2540-26 พฤษภาคม 2544)

ผลการเลือกตั้งที่ออกมา คือ (พรรคการเมือง/หัวหน้าพรรค จำนวน ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ/แบ่งเขตเลือกตั้ง และ ผลรวม) ไทยรักไทย/พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร: 48/200 รวม 248; ประชาธิปัตย์/นายชวน หลีกภัย: 31/97 รวม 128; ชาติไทย/นายบรรหาร ศิลปอาชา: 6/35 รวม 41; ความหวังใหม่/พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ: 8/28 รวม 36; ชาติพัฒนา/นายกร ทัพพะรังสี: 7/22 รวม 29; เสรีธรรม/นายพินิจ จารุสมบัติ: 0/14 รวม 14; ราษฎร/นายวัฒนา อัศวเหม: 0/2 รวม 2; กิจสังคม/นายสุวิทย์ คุณกิตติ:  0/1 รวม 1 และ ถิ่นไทย/ดร.พิจิตต รัตตกุล: 0/1 รวม 1

ผลงานควบคุมการเลือกตั้งที่ขึ้นชื่อลือชาของ กกต. ชุดแรกที่มี นายธีรศักดิ์ กรรณสูต เป็นประธานคนแรก คือการลบคำสบประมาทที่ว่า "กกต. คือ เสือกระดาษ" โดยการประกาศแขวนรายชื่อ 78 ว่าที่ ส.ว.ไม่ให้ผ่านการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาครั้งแรก เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2543 และการตรวจสอบ-แจกใบแดงให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ทั้ง 2 ประเภทเป็นจำนวนมาก

ที่น่าสังเกต คือ จำนวนคนที่ลงคะแนนให้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคไทยรักไทยที่นำโดย พ.ตท.ทักษิณ ชินวัตร นั้นมีมากถึง 11,634,495 คะแนน ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ที่นำโดยนายชวน หลีกภัย ได้เพียง 7,610,789 คะแนน หรือคิดเป็น 40.65% และ 26.6% ตามลำดับ

นอกจากนั้น ลักษณะพิเศษของ พ.ต.ท. ดร. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 23 หาได้เติบโตมาจากการทำงานการเมืองเป็นพื้นฐานมานาน เช่นนักการเมืองร่วมสมัยทั้งในอดีตและส่วนใหญ่ในปัจจุบัน โดยที่ประวัติส่วนตัวของอดีตนายกรัฐมนตรี กับนโยบาย "ประชานิยม" ซึ่งเกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2492 นั้น ก่อนหน้าจะลาออกจากราชการมาประกอบธุรกิจส่วนตัว เริ่มรับราชการตำรวจหลักจากสำเร็จการศึกษา โดยเริ่มงาน ในตำแหน่งหัวหน้าแผนกแผน 6 กองวิจัยและวางแผน กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตามมาด้วย ตำแหน่งรองผู้อำนวยการศูนย์ประมวลข่าวสาร กองบัญชาการตำรวจนครบาล และอาจารย์ประจำโรงเรียนนายร้อยตำรวจ ตามลำดับ

ในปี 2523 พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัวหลายอย่าง ควบคู่ไปกับการรับราชการตำรวจ เช่น สืบทอดค้าขายผ้าไหมของบรรพบุรุษ 3 ชั่วคนในจังหวัดเชียงใหม่ และขยายตัวมาทำกิจการโรงภาพยนตร์ ธุรกิจคอนโดมิเนียม แต่กลับประสบความล้มเหลว เป็นหนี้สินกว่า 50 ล้านบาท ในระหว่างนั้นจึงได้ลาออกจากราชการ

ต่อมาในปี 2526 จึงก่อตั้ง ห้างหุ้นส่วนจำกัด ไอซีเอสไอ (ICSI) ซึ่งดำเนินกิจการด้านคอมพิวเตอร์และต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชินวัตร คอมพิวเตอร์ จำกัด จนสามารถปลดหนี้สินที่มีมาแต่เดิม จนประสบความสำเร็จจากการดำเนินธุรกิจ วิทยุติดตามตัว ให้บริการเครื่อง คอมพิวเตอร์แก่ สำนักงานต่างๆ เป็นบริษัทผู้นำคอมพิวเตอร์เข้ามาในประเทศไทยเป็นยุคแรกๆ และเป็นผู้นำโทรศัพท์เคลื่อนที่เข้ามาให้บริการในประเทศไทยเป็นรายแรก กระทั้งในปี 2533 จึงเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2533 และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เบอร์หนึ่งในธุรกิจด้านโทรคมนาคมและการสื่อสารที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

พ.ต.ท. ทักษิณเข้าสู่แวดวงการเมืองโดยการชักนำของ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง อดีตหัวหน้าพรรคพลังธรรม ในปี 2537 โดยลาออกจากตำแหน่งประธานกรรมการ และประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยได้โอนหุ้นให้ คุณหญิงพจมาน (ณ ป้อมเพชร) ภริยา และบุตรชาย นายพานทองแท้ กับบุตรสาวอีก 2 คน นางสาวพินทองทา นางสาวแพทองธาร และคนสนิทเข้าดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย และในปี 2538 จึงเข้ารับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคพลังธรรม ต่อจาก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และ ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา กระทั่งในปี 2539 ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ

จุดเปลี่ยนประการสำคัญในประวัติการเมืองการปกครองไทย เริ่มต้นในปี 2541 เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิน ตัดสินใจลาออกจากพรรคพลังธรรม จากนั้นจึงดำเนินการก่อตั้งและเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยคนแรก

หลังจากเข้าบริหาประเทศเป็นสมัยแรก (เป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งมาจากการเลือกตั้งที่อยู่ครบวาระเป็นคนแรก) รัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ในสมัยแรก ดำเนินนโยบายต่างๆ ที่ขนานนามว่า "นโยบายประชานิยม" ตามแนวมทางในการรณรงค์หาเสียง ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนทั้งที่เป็นกลุ่มเกษตรกร และผู้มีรายได้น้อยในเขตเมือง เช่น การพักชำระหนี้เกษตรกร, โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค, โครงการบ้านเอื้ออาทร ฯลฯ

ในช่วงปี 2546 รัฐบาลประกาศนโยบายทำสงครามปราบปรามผู้ค้ายาเสพติด มีผู้เสียชีวิตในช่วงนี้เป็นจำวนถึง 2,405 ราย นำไปสู่ข้อกังขาและเป็นจุดอ่อนให้ฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองนำมาใช้โจมตีในเวลาต่อมา ว่าเป็นการ "ฆ่าตัดตอน" เพื่อมิให้โยงใยไปถึงผู้บงการรายใหญ่

ส่วนนโยบายอื่นๆ ในด้านสังคม อาทิ การปราบปรามผู้มีอิทธิพล และการจำหน่ายสลากเลขท้าย 3 ตัว 2 ตัว ของรัฐบาล โดยนำรายได้จากการจำหน่ายส่วนหนึ่งไปเป็นทุนการศึกษา สำหรับเยาวชนที่ครอบครัวมีฐานะยากจน ที่ผ่านสอบคัดเลือกในระดับอำเภอ เพื่อส่งไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ ตามสาขาที่นักเรียนทุนต้องการ โดยไม่มีภาระผูกพันต้องใช้ทุนแก่ราชการ ทั้งยังสามารถลดปัญหาจากการค้าหวยเถื่อนได้อย่างเป็นรูปธรรม แต่ก็มีผู้ตั้งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใสในกระบวนการตรวจสอบการใช้เงินในส่วนนี้

นอกจากนี้ยังมีโครงการบ้านเอื้ออาทร รวมทั้งแท็กซี่เอื้ออาทร ซึ่งการตอบรับในระยะแรกของการดำเนินนโยบายเป็นไปในทางบวกอย่างกว้างขวางในขอบเขตทั่วประเทศ.


พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข วันที่ 31 กรกฎาคม-6 สิงหาคม 2553
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง  ผู้เขียน อริน
ร่วมสนับสนุนการเขียนและเผยแพร่ความคิด และกิจกรรมได้โดยโอนเงินไปที่

บัญชีออมทรัพย์ ธนาคารกรุงไทย สาขาเทสโก้โลตัส วังหิน
ชื่อบัญชี วัฒนา สุขวัจน์
บัญชีเลขที่ 986-2-87758-8