วันอาทิตย์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2564

สังเขปประวัติศาสตร์การเมืองยุคใกล้ของไทย (60)

ประวัติศาสตร์การเมืองยุคใกล้ของไทย:
ถนอม กิตติขจร ผู้สืบทอดอำนาจระบบสฤษดิ์? (11)

วันที่ 14 ตุลาคม เวลา 13.00 น. ประชาชนขับรถขนขยะของเทศบาลนครกรุงเทพ พุ่งเข้าชนรถถที่รัฐบาลถนอม-ประภาสสั่งเข้าปราบปรามการเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 

ถนอม กิตติขจร: นายกรัฐมนตรีสมัยที่ 5
กับเลือดเนื้อและชีวิตวีรชน 14 ตุลาฯ


แล้ว "สลักระเบิด" อันนำไปสู่การชุมนุมทางการเมืองครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยก็มาถึง เริ่มต้นเมื่อกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญออกเดินแจกใบปลิวและหนังสือแสดงเจตนารมณ์ประชาธิปไตย ในระหว่างการเคลื่อนไปมีการชูโปสเตอร์ที่มีข้อความสะท้อนเนื้อหาความคับข้องใจกับการปกครองภายใต้ระบอบเผด็จการ อาทิ "น้ำตาเราตกใน เมื่อเราไร้รัฐธรรมนูญ" "จงคืนอำนาจแก่ปวงชนชาวไทย" "จงปลดปล่อยประชาชน" ฯลฯ จนถึงเวลาประมาณ 15.00 น. ขณะที่กลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญกำลังแจกใบปลิวและเอกสารแก่ประชาชนบริเวณตลาดประตูน้ำ เจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งได้ติดตามมาตลอดทางก็ได้รับคำสั่งให้เข้าจับกุมทันที รวม 11 คน (มีบางคนหลบหนีการจับกุมไปได้) คือ
  1. นายธีรยุทธ บุญมี อดีตเลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
  2. นายประพันธ์ศักดิ์ กมลเพชร อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และอดีตนักการเมืองแห่งขบวนการรัฐบุรุษ
  3. นายนพพร สุวรรณพานิช ประจำกองบรรณาธิการนิตยสาร มหาราษฎร์
  4. นายทวี หมื่นนิกร อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  5. นายมนตรี จึงศิริอารักษ์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ปี 1 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  6. นายปรีดี บุญซื่อ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  7. นายชัยวัฒน์ สุระวิชัย วิศวกรสุขาภิบาล (จุฬา) อดีตกรรมการบริหารศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย
  8. นายบุญส่ง ชเลธร นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ปี 2 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  9. นายวิสา คัญทัพ นักศึกษาคณะมนุษยศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
  10. นายบัณฑิต เองนิลรัตน์ นักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
  11. นายธัญญา ชุนชฎาธาร นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ ปี 4 มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ทั้งหมดถูกนำไปควบคุมตัวและสอบสวนที่สันติบาล กอง 2 กรมตำรวจ ปทุมวัน ตกเย็นเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลก็ยกกำลังเข้าค้นบ้านและสถานที่ที่ผู้ถูกจับกุมมีส่วนเกี่ยวข้อง พร้อมทั้งตั้งข้อหา "มั่วสุ่มชักชวนให้มีการชุมนุมทางการเมือง"

เวลา 00.30 น.ของวันที่ 7 ตุลาคม ทั้ง 11 คนก็ถูกนำตัวขึ้นรถไปเพื่อไปกักกันตัวที่โรงเรียนพลตำรวจนครบางเขนร่วมกับผู้ต้องหาในคดีมีการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์และผู้ต้องหาเนรเทศ เมื่อไปถึงก็ถูกแยกห้องขังเพื่อป้องกันมิให้ปรึกษากัน เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาเพิ่มเติมแก่ผู้ถูกจับกุม ว่า "ขัดขืนคำสั่งคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 4" และเพิ่มข้อหา "ขบถภายในราชอาณาจักร" ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 116

และนับจากเช้าวันที่ 7 ตุลาคม นั่นเอง ที่สถานการณ์ขยายตัวไปสู่การชุนมนุมใหญ่ทั่วประเทศของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และผระชาชนวงการต่าง เมื่อศูนย์นิสิตฯ เรียกประชุมกรรมการเป็นกรณีฉุกเฉิน และมีมติให้ออกแถลงการณ์คัดค้านการจับกุมของรัฐบาลเผด็จการ "ถนอม- ประภาส" ในเวลา 13.00 น. โดยยืนยันว่า "จะยืนหยัดร่วมกับประชาชนในการพิทักษ์รักษาสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิเสรีภาพอันชอบธรรม"

ต่อมาในเวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาลหัวหมากเข้าจับกุมตัว นายก้องเกียรติ คงคา นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ ปี 3 มหาวิทยาลัยรามคำแหง จากหอพักไปสอบสวนที่กองกำกับการตำรวจสันติบาล 2 เพิ่มอีกคนหนึ่ง โดยตั้งข้อหาเช่นเดียวกัน ทั้งที่นายก้องเกียรติหาไม่ได้ร่วมลงชื่อในเอกสารของกลุ่มเรียกร้องรัฐธรรมนูญ และไม่ได้ไปร่วมแจกใบปลิวและหนังสือร่วมกับกลุ่มฯ ในวันที่ 6 ตุลาคมแต่อย่างใด

และในวันที่ 8 ตุลาคม เวลา 10.30 น. ผู้ต้องหา "13 กบฏรัฐธรรมนูญ" คนสุดท้าย นายไขแสง สุกใส เข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสันติบาลที่กองบังคับตำรวจสันติบาล 2 และกล่าวว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ จะเอาไปประหารชีวิตก็ยอม
**********
(สถานการณ์วันต่อวันเคยลงตีพิมพ์ใน โลกวันนี้ วันสุข ปลายปี พ.ศ. 2552 จนถึงต้นปี พ.ศ. 2553 ไว้แล้ว)

จนถึงเวลาประมาณ 09.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม พ.อ.ณรงค์ กิตติขจร ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจการณ์สถานการณ์การลุกขึ้นสู้ของนิสิตนักศึกษา ประชาชน จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บริเณสะพานผ่านพิภพลีลา และหน้ากรมประชาสัมพันธ์ แล้วรายงานข่าวโดยตรงมาถึงจอมพลถนอมและจอมพลประภาสว่า มีการซ่องสุมอาวุธและผู้คนไว้ใต้ตึกโดมมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตามแผนของคอมมิวนิสต์ จากนั้น ในเวลา 09.30 น. รัฐบาลออกอากาศแถลงการณ์ว่า "พวกก่อการจลาจล (พกจ.)" บุกรุกเขตพระราชฐาน และทำร้ายตำรวจ แต่แล้วกลับยิ่งส่งผลให้ประชาชนที่ไม่เชื่อถือจากการฟังข่าวด้านเดียวจากทางรัฐบาล ทยอยกันออกจากบ้านเพื่อจะได้เห็นเหตุการณ์ด้วยตาตนเอง โดยมีจำนวนมากขึ้นทุกที และทั้งหมดนั้นเข้าร่วมกับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลถนอม-ประภาส-ณรงค์ ไปโดยปริยาย ในเว็บไซต์ www.14tula.com บันทึกเหตุการณ์ไว้ดังนี้ (http://www.14tula.com/remember/day14/day14_9.htm)

ตลอดทั้งวันเหตุการณ์ลุกลามออกไปจนรัฐบาลไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ทหารและตำรวจออกปราบฝูงชนโดยใช้ทั้งอาวุธปืน รถถัง และเฮลิคอปเตอร์ มีการต่อสู้ปะทะกันตั้งแต่บริเวณสะพานผ่านฟ้าถึงสนามหลวง โดยเฉพาะที่หน้ากรมประชาสัมพันธ์ กรมสรรพากร กองสลากกินแบ่ง โรงแรมรัตนโกสินทร์ ตึก ก.ต.ป. กองบัญชาการตำรวจนครบาลผ่านฟ้า รวมทั้งบริเวณสถานีตำรวจชนะสงครามและย่านบางลำภู

นักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ก็เริ่มตอบโต้กลับรุนแรงมากขึ้น มีการยิงและปาระเบิดขวดตอบโต้ทหารตำรวจเป็นบางจุด มีการบุกเข้ายึดและทำลายสถานที่บางแห่งที่เป็นสัญลักษณ์ของอำนาจเผด็จการคณาธิปไตย สำนักงานกองสลากกินแบ่งรัฐบาล ตึก ก.ต.ป. และป้อมยามถูกเผา บางคนได้ขับรถเมล์ รถขยะ และรถบรรทุกขนขยะของเทศบาลวิ่งเข้าชนรถถัง ศพวีรชนที่สละชีวิตหลายคนถูกแห่เพื่อเป็นการประจานความทารุณของทหารตำรวจและชักชวนให้ประชาชนไปร่วมต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ส่วนในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์นักศึกษาก็ลำเลียงผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บไปโรงพยาบาลศิริราชทางเรือตลอดเวลา

ขณะเดียวกันรัฐบาลก็ได้ออกแถลงการณ์โจมตีนักศึกษาประชาชนผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งมีคำสั่งให้ปิดสถาบันการศึกษาของรัฐทุกแห่งในกรุงเทพฯ นนทบุรี และสมุทรปราการ รวมทั้งประกาศไม่ให้ประชาชนออกนอกบ้านในเวลากลางคืน.

(ยังมีต่อ)

พิมพ์ครั้งแรก โลกวันนี้ ฉบับวันสุข 1-7 สิงหาคม 2558
คอลัมน์ พายเรือในอ่าง ผู้เขียน อริน